นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เข้าสู่ช่วงเวลาของการเปิดเทอม เด็กๆ ต้องเปลี่ยนการดำเนินชีวิตจากที่เคยนอนดึกตื่นสาย ไปเที่ยวกับครอบครัว ทำกิจกรรมกับพ่อแม่และเพื่อนๆ กลายเป็นต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียน เรียนหนังสือ และมีการบ้านกลับมาทำที่บ้าน เด็กจะรู้สึกขี้เกียจและงอแงไม่อยากไปโรงเรียน
ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องปกติในเด็กเกือบทุกคนที่เริ่มไปโรงเรียนใหม่ๆ พบในช่วงอายุประมาณ 3 ปี ถึง 4 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กมีความกังวลกับการแยกจากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดู สำหรับเด็กในวัยเรียนที่มีปัญหาการเรียน เข้ากับเพื่อนไม่ได้ หรือถูกทำโทษรุนแรงที่โรงเรียน บางคนแสดงออกด้วยการร้องไห้ บางคนสะสมความเครียดจนทำให้ตัวเองเจ็บป่วย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ปวดแขน ปวดขา ซึ่งเป็นกลไกการต่อต้านทางร่างกาย พ่อแม่ผู้ปกครองควรเปิดใจให้กว้างรับฟังความรู้สึกของเด็ก ต้องเข้าใจและค่อยๆ สอนลูกอย่างใจเย็น พร้อมหาทางแก้ไข
ด้าน นพ. สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากปัญหาดังกล่าวข้างต้นพ่อแม่ควรรับมือแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ปรับเปลี่ยนการเลี้ยงดูสอนเด็กให้ช่วยเหลือตนเองและช่วยงานบ้าน โดยที่พ่อแม่อยู่ใกล้ชิด คอยให้กำลังใจ นอกจากนี้ควรฝึกทักษะพื้นฐานในด้านการเล่นและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ทั้งนี้ควรให้เด็กไปโรงเรียนทุกวันโดยไม่จำเป็นต้องหยุด และขอความช่วยเหลือจากคุณครูให้รับเด็กภายหลังจากพ่อแม่มาส่งเพื่อทำให้ระยะเวลาการแยกจากที่โรงเรียนสั้นที่สุด ผู้ปกครองไม่ควรตำหนิเด็กหากอืดอาดชักช้า ถ้าไม่ยอมอาบน้ำ หรือไม่รับประทานอาหารเช้าควรจัดใส่กล่องให้และยังคงบอกเด็กว่าต้องไปโรงเรียน
ขณะเดินทางควรพูดเรื่องสนุกๆ ที่วางแผนจะทำในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน และควรมารับเด็กตรงเวลา หากปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวแล้วไม่ได้ผลควรปรึกษาจิตแพทย์เด็ก เพื่อช่วยกันดูแลให้เด็กปรับตัวไปโรงเรียนได้อย่างมีความสุขต่อไป
Photo by pan xiaozhen on Unsplash