ในการอภิปรายนโยบายของคณะรัฐมนตรี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิกรัฐสภา อภิปรายถึงความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมา ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีโดยเกิดปัญหารวยกระจุกจนกระจาย เศรษฐกิจของพ่อค้าดีวันดีคืน ส่วนประชาชนหาเช้ากินค่ำยากจนลงและเกิดความลำบาก ใช้งบประมาณจนเกิดภาวะขาดดุล โดยขาดดุลเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ขณะที่หนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยตกลงอย่างต่อเนื่อง จนอยู่ในลำดับท้ายของกลุ่มประเทศอาเซียน และได้รับการขนานนามว่าเป็น sick man of asia
นายสมพงษ์ อภิปรายต่อว่า ที่ผ่านมาสินค้าที่ผลิตออกมาไม่สามารถขายได้ โดยเศรษฐกิจที่แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่างหรือรากหญ้า โดยขณะนี้เศรษฐกิจส่วนบนและส่วนกลางดำเนินการไปด้วยดี แต่เศรษฐกิจรากหญ้าเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ความเหลื่อมล้ำมีความชัดเจนในช่วง 2-3 ปี คนรวยรวยขึ้นเพียง 1% หรือประมาณหกหมื่นเจ็ดพันคน ครอบครองทรัพย์สินทรัพย์สินของคนทั้งประเทศคิดเป็น 66.9 เปอร์เซ็นต์
นายสมพงษ์ ยังกล่าวถึงความล้มเหลวในการปฏิรูปการเมือง โดยเฉพาะการออกมาตรา 44 ให้นักการเมืองท้องถิ่นยุติปฏิบัติหน้าที่ แต่ต่อมาให้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้เช่นเดิม ซึ่งมีบางคนขึ้นเวทีหาเสียงให้กับพรรคพลังประชารัฐ การแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ไม่มีความเหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง มีบางคนที่มีคดีติดตัว ขณะเดียวกันยังเกิดการสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น ให้อำนาจทหารค้นบ้าน จับกุมประชาชน
นอกจากนี้ยังเกิดความล้มเหลวในการใช้งบประมาณในส่วนของกองทัพ ที่ผ่านมาได้ทุ่มงบประมาณให้กับกองทัพมากเกินความจำเป็น สะสมงบประมาณจำนวนมากทั้งที่ไม่มีสงคราม จึงควรลดงบประมาณกองทัพ และนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านอื่นของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน งบประมาณของกองทัพจึงต้องปรับปรุงโยกย้ายให้เหมาะสม โดยสามารถแบ่งมาลงทุนด้านการค้าได้
นายสมพงษ์ ย้ำว่า ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลนี้จะมีศักยภาพเพียงพอในการนำเอานโยบายที่มาแถลงวันนี้ไปดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างจริงจัง เพราะการเข้าสู่อำนาจขาดความชอบธรรม ใช้รัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาเพื่อประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ บิดเบือนกฎหมายเพื่อช่วยเหลือพวกพ้อง บริหารประเทศไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลวอย่างยิ่งในการบริหารเศรษฐกิจ เมินต่อการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ที่สำคัญคือพลเอกประยุทธ์โกหกประชาชนและนานาชาติ โดยบอกประชาชนว่าจะนำประเทศไทยสู่ประชาธิปไตย แต่ขณะนี้ประเทศไทยกับไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นเพียงประชาธิปไตยจอมปลอม ยังเป็นเผด็จการ
‘วันนอร์ฯ’ ฉะ นโยบายรัฐบาลเลื่อนลอย ไม่มีกรอบเวลาและตัวชี้วัดความสำเร็จ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ตนได้อ่านนโยบายของรัฐบบาลแล้ว และเห็นว่าไม่มีอะไรเลย ข้อแรก เลื่อนลอย จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ เลื่อยเปื่อย ขนาดนายกรัฐมนตรีเองที่แถลงนโยบายเองก็ยังไม่อยากจะอ่าน เพราะรู้ว่าที่เขียนไปจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ จะบรรลุวัตถุประสงค์ตรงไหนก็ไม่รู้ ยากที่จะตรวจสอบโดยภาคประชาชน ข้อที่สอง ไม่มีวิสัยทัศน์ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงให้ประชาชนและผู้ประกอบการนักลงทุนเชื่อมั่นมาลงทุน
ข้อที่สาม เป็นนโยบายที่คนเขียนเก่ง เขียนหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบพูดไว้ลอยๆ ไม่ได้บอกว่าจะทำเมื่อไหร่ และตนคิดว่ารัฐบาลที่จะมาแก้ปัญหาของประชาชนต้องมีความรับผิดชอบสูง และต้องมีความเป็นผู้นำตามรัฐธรรมนูญกำหนด อีกทั้งยังไม่บอกว่านโยบายทั้ง 12 ด้านที่เร่งด่วน จะทำเมื่อไหร่ ถ้าตามความเข้าใจของคนทั่วไปอาจจะไม่เกิน 1 ปี หรือ 2 ปี แต่นโยบายหลัก ตนดูแล้ว 4 ปีก็ยังยากที่จะจบ และไม่บอกว่าเร่งด่วนจะเสร็จเมื่อไหร่ ดูแล้วสิ้นหวังสำหรับคนยากคนจน
หลักจากนั้น นายวันมูะมัดนอร์ อภิปรายต่อว่า หน้าสอง ที่กำหนดว่าจะทำนโยบายให้สำเร็จตามจุดมุ่งหมายของยุทธศาสตร์ชาติ และที่บอกว่าจะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นคนทำรัฐประหารมา ฉีกรัฐะรรมนูญ และยึดอำนาจมานาน 5 ปีโดยไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วจะให้ตนเชื่อได้อย่างไร พร้อมยกคำกล่าวของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีอยากอยู่ยาว แสดงให้เห็นว่าไม่มีวันที่ประชาธิปไตยมาจากมือคนที่ไม่มีประชาธิปไตย เช่นสุภาษิตไทย ที่ว่า ไม่มีวันที่งาจะออกมาจากปากสุนัข
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังแย้งนายกรัฐมนตรีที่อ้างว่าว่าส่งเสริมให้นักการเมืองมีคุณภาพ มีคุณธรรม มีความสามารถ แต่ตนเห็นว่าจะมีคุณภาพได้อย่างไร หากการจัดสัมมนา ส.ส. เอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ส.ส. บางคนเป็นนักเลง เปิดบ่อน เช่นนี้ รัฐบาลควรทำให้นักการเมืองของพรรคตนมีคุณภาพเป็นตัวอย่าง ส่วนเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพการแข่งขันของไทย นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาจะเลือกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาดูแลเงินของประเทศ ต้องเลือกคนที่มีคุณธรรม แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เลือกมา กลับเป็นที่วิจารณ์ว่าไม่มีคุณธรรม เกี่ยวข้องกับคดีการโอนหุ้นธนาคารกรุงไทย ทำให้ประเทศชาติเสียหาย แล้วจะให้คนเชื่อว่าคนแบบนี้จะมาบริหารเงินประเทศได้อย่างไร แม้ว่าจะรอดคดีนี้มาได้ด้วยอภินิหารหรือความมหัศจรรย์ของกฎหมาย แต่จะให้มาบริหารเงินประเทศได้อย่างไร
หลังจากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ หยิบแบงค์พันขึ้นมาเพื่อถามว่าแล้วจะให้คนนี้ เซ็นชื่อใต้พระบรมฉายาลักษณ์หรือไม่ แล้วมี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐประท้วง ว่าให้ถอนคำพูดเพราะเป็นการอ้างเบื้องสูง นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนถอนก็ได้ แต่นายกรัฐมนตรีต้องถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกไป ตนยังเห็นว่ามีคนที่เหมาะสมอีกมากที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เช่าน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และให้นายอุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแทน ตนมีสิทธิ์ที่จะสงสัยเพราะเป็นคนเสียภาษีและเป็นเจ้าของประเทศ ตนไม่ได้ว่านายอุตตม มีความผิด เพราะศาลพิจารณาแล้วว่าไม่ผิด แต่ตนมองว่านายอุตตม ไม่เหมาะสม
นโยบายเกี่ยวกับที่ดิน ที่ทำกิน ฟังดูเหมือนจะดี แต่ไม่บอกชัดเจนว่าจะจัดการที่ดินอย่างไร การเก็บภาษีทำอย่างไร ส่วนการจัดการทรัพยากรแร่และชายฝั่ง แต่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ใช้ ม.44 ยุติการทำเหมืองทองอัครา และอาจจะแพ้ในชั้นศาลและเสียค่าโง่อีกหลายหมื่นล้าน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคือ นายอุตตม เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทำไมไม่แก้ไข โดยใช้กฎหมายเหมืองแร่ กฎหมายสิ่งแวดล้อม หรือกฎหมายแรงงาน จนนายกรัฐมนตรีต้องใช้ ม. 44 ส่วนการพัฒนาท้องถิ่น ให้งบประมาณไม่เพียง แต่กลับใช้งบประมาณในการซื้ออาวุธเข้ากองทัพจำนวนมาก อีกทั้งนโยบายต่างๆ ที่มาจากการหาเสียงเป็นสัญญาประชาคม
ดังนั้นอยากให้รัฐบาลที่เป็นพรรคร่วมติดตามให้มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และตนจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป ส่วนนโยบายเกี่ยวกับสวัสดิการและการพัฒนาคุณภาพชีวิตไม่มีกรอบเวลาว่าจะสำเร็จเมื่อไหร่ และไม่มีตัวชี้วัดว่าจะดีขึ้นอย่างไร ความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหายาเสพติด การบังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกัน รวมทั้งกฎอัยการศึก และกฎหมายความมั่นคง ที่ประกาศใช้มาหลายปี สิ้นเปลืองงบประมาณไปมาก แต่ไม่ทำให้ปัญหาความไม่สงบดีขึ้น
อ่านเพ่ิมเติม