แบรนด์เสื้อผ้าฮ่องกง Esprit เปิดเผยว่าจะไม่ผลิตเสื้อผ้าจากโรงงานสิ่งทอที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมาตามรายงานของสหประชาชาติ หรือ UN โดย Esprit ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวนิกเคอิว่า บริษัทได้ตรวจสอบและพบว่า โรงงาน Perfect Gains Garment Manufacturing ที่ผลิตเสื้อผ้าให้แบรนด์ Esprit อยู่ในเขตอุตสาหกรรม Ngwe Pinlae ซึ่งบริษัทยุติคำสั่งซื้อทันที พร้อมระบุว่า Esprit ไม่เคยรู้มาก่อนว่าโรงงานดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมา และบริษัทจะติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
ก่อนหน้านี้ รายงานของคณะค้นหาความจริงนานาชาติของสหประชาชาติ หรือ UN เปิดเผยว่า สำนักข่าวนิกเคอิได้ร่วมตรวจสอบรายชื่อซัพพลายเออร์ของแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ และพบว่า หลายแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังผลิตเสื้อผ้าจากโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรม 2 แห่งของบริษัท Myanmar Economic Holdings จำกัด (MEHL) โดย UN เรียกร้องให้บริษัทนานาชาติตัดความสัมพันธ์กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมา
รายงานของ UN ระบุว่า บริษัท MEHL และบริษัท Myanmar Economic Corp. (MEC) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมียนมาถือหุ้นอยู่ มีธุรกิจอยู่ในเครือถึง 120 ธุรกิจและมีสายสัมพันธ์กับเครือข่ายพวกพ้องอย่างน้อย 27 บริษัท
บริษัท Myanmar Economic Holdings ก็เป็นของกองทัพเมียนมา มีพลเอกอาวุโสมินอองหล่ายน์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา และพลเอกรองอาวุโสโซวิน รอฃผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาคอยคุมอยู่ โดย UN ระบุว่า นายพลทั้งสองคนมีส่วนรับผิดชอบต่ออาชญากรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศ และทั้งคู่ยังถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายประการ
นอกจากนี้ Myanmar Wise-Pacific Apparel Yangon Co. ยังเป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัท MEHL และบริษัท South Korea's Pan-Pacific Co. ซึ่งข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยไว้ในบันทึกทางธุรกิจออนไลน์
รายงานค้นหาความจริงของ UN เปิดเผยรายละเอียดอาณาจักรทางธุรกิจของกองทัพเมียนมา ตั้งแต่บริษัทก่อสร้าง เหมืองแร่อัญมณี ประกัน การท่องเที่ยว ธนาคาร และโรงงานอุตสาหกรรม รายได้จากบริษัทในเครือทำให้กองทัพสามารถหลบเลี่ยงการชี้แจงความโปร่งใส และเป็นยังเป็นทุนสำหรับปฏิบัติการต่างๆ ของกองทัพ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การลบล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา
แบรนด์เสื้อผ้าที่ผลิตเสื้อผ้าจากโรงงานสิ่งทอในเขตอุตสาหกรรมของบริษัท MEHL ในนครย่างกุ้ง โดยเฉพาะเขตอุตสาหกรรม Ngwe Pinlae และ Pyinmabin ได้แก่ แบรนด์ Next, Bestseller, H&M, Marks & Spencer, C&A และ Esprit
ด้านแบรนด์ H&M ระบุว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และกำลังตรวจสอบรายงานของ UN อย่างละเอียด เพื่อหาข้อสรุปและพิจารณาว่าสิ่งไหนจำเป็นและเหมาะสมในการจัดการเรื่องนี้ พร้อมระบุว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทพบกับรัฐบาลเมียนมา เพื่อเน้นย้ำว่าข้อเสนอแนะของ UN และสหภาพยุโรปมี “ความสำคัญและเร่งด่วน” "
ขณะที่ BestSellar ก็ระบุว่ากำลังอ่านรายงานของ UN เพื่อประเมินว่าจะต้องทำอะไรกับเรื่องนี้ ส่วน Marks & Spencer เคยมีซัพพลายเออร์ในเขตอุตสาหกรรมรวม 2 แห่ง และหนึ่งในซัพพลายเออร์ของแบรนด์นี้ ก็คือ Myanmar Wise-Pacific Apparel ซึ่งอยู่ในเครือ MEHL ของกองทัพเมียนมา แต่โฆษกของ Marks & Spencer ชี้แจงว่า บริษัทได้ตัดความสัมพันธ์กับ Myanmar Wise-Pacific Apparel ไปแล้ว พร้อมระบุว่า การค้าอย่างมีจริยธรรมเป็นพื้นฐานของการผลิตเสื้อผ้า และสินค้าทั้งหมดจะต้องตรงตามหลักการการจัดหาระดับโลกของบริษัท
เดือนที่ผ่านมา Nectec บริษัทโทรคมนาคมของเบลเทียมออกแถลงการณ์ว่า บริษัทได้ตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ Myanmar telco Mytel ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับ MEC และ Nectec ได้ขายอุปกรณ์ดาวเทียมโทรคมนาคมให้กับ Communication & Commerce (Com & Com) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ให้กับเครือข่าย 4จี ของบริษัท Mytel
Nectec ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทจะไม่มีทางขายขายให้กับองค์กรหรือบริษัทใดโดยที่รู้อยู่แล้วว่าองค์กรหรือบริษัทนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมาที่ใช้ความรุนแรงในรัฐยะไข่และกระการโหดร้ายป่าเถื่อนต่อชาวโรฮิงญา
มีรายงานว่า การปราบปรามชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่รอบล่าสุดของกองทัพ เป็นการลบล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาอย่างเป็นระบบ ทั้งการสังหาร ข่มขืน และเผาบ้านเรือน ส่งผลให้ชาวโรฮิงญาลี้ภัยไปยังบังกลาเทศกว่า 700,000 คน