ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ตั้งเป้า 3 เดือนจะทำให้สถานการณ์น้ำดีขึ้น ลั่นเมื่อได้รับหน้าที่เป็น 'เซลล์เบอร์ 1 ของประเทศ' จะลุยไปขายความเชื่อมั่นให้ต่างชาติ พร้อมชวนนักธุรกิจไทยไปช่วยเจรจา เพื่อดึงดูดการลงทุนเข้าไทย เล็งศึกษาขยายเวลาเปิดสถานบริการ เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว

วันที่ 4 ต.ค. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษงาน Thailand Economic Outlook 2024 : Change the Future Today หัวข้อ Empowering Economy the Big Change ว่า ตนในฐานะที่เป็นนายกฯ ไม่อยากให้ทุกคนมองตนเป็นนายกฯ แต่อยากให้มองว่าเป็นคนที่ได้รับมอบหมายในการนำพาพัฒนาประเทศไปสู่จุดที่ควรไปถึง 

ส่วนการเปรียบเทียบว่าเรา(ประเทศไทย)เป็นรถยนต์ที่เคลื่อนตัวช้าสู้ประเทศเพื่อบ้านไม่ได้ ซึ่งเครื่องยนต์ของประเทศถือว่าเดินช้ามาก โดยตนจะไม่พูดถึงรัฐบาลก่อน แต่เมื่อเป็นรัฐบาลนี้ เราก็ต้องเดินหน้าอย่างเช่น ภาคเกษตรกรรมของไทย ถือว่าน่าสงสารเพราะรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง เห็นได้จากที่ผ่านมา 9 ปี ต้องพักหนี้เกษตรกร 13 ครั้ง ซึ่งเหตุผลที่ต้องพักหนี้ซ้ำๆมีหลายประเด็น อย่างไม่ท่วมไม่แล้ง เพราะไม่มีใครอยากคอยเงินเยียวยา แต่อยากได้เงินจากพืชผลการเกษตร ฉะนั้นถ้าเราต้องทำให้ไม่ท่วมเพื่อเศรษฐกิจไทยจะไปได้ไกล ฉะนั้นต้องทำเรื้องน้ำ โดยสัปดาห์นี้ตนจะลงพื้นที่ จ.อุบล จึงเชื่อว่าภายใน 3 เดือนจากนี้สถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนเรื่องอุตสาหกรรมในภาคน้ำ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลเป็นห่วง ฉะนั้นต้องให้ความมั่นใจกับภาคเอกชน จึงยืนยันและต้องทำให้ได้ ซึ่งหน้าที่ตนวันนี้คือเซลล์แมนเบอร์ 1 ของประเทศ ฉะนั้นหน้าที่คือต้องไปขายความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นเรื่องยากแต่จะพยายามให้ความจริงใจ ซึ่งต้องทลายกำแพงตรงนี้ให้ได้ ทั้งนี้ภารกิจดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งรัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันและต้องไม่กลัวที่จะเจอเอกชน นักลงทุน ดังนั้นจึงอยากเชิญทุกท่านไปด้วย เพื่อช่วยพูดกับนักลงทุน ฉะนั้นถ้าตนเดินทางไปต่างประเทศก็อยากเชิญท่านไปช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติกับตนด้วย เพื่อช่วยยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ 

นายกฯ ระบุอีกว่า ภาคประมงเป็นอีกภาคที่น่าสงสารมาก จากกฎหมายมีเรือประมงจอดจำนวนมาก เพื่อให้เรามีความมั่นคงทางอาหาร ฉะนั้นเป็นหน้าที่รัฐบาลในการไปเจรจากับประเทศอื่นๆ เพื่อให้ประมงไทยกับมาผงาดอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนภาคการท่องเที่ยวหากจะเปิด 24 ชั่วโมง ก็อาจมีการตั้งตำถาม ฉะนั้นต้องมาดูว่าถ้าเปิดเท่าเดิมมันจะพอไหม ฉะนั้นต้องมาดูว่าควรขยายเวลาหรือไม่ ควบคู่กับการดูเรื่องภาษี เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของการท่องเที่ยว

นายกฯ ทิ้งท้ายว่า วันนี้ตนดีใจที่ได้มาพูดกับคนพวกเดียวกันและเปิดใจคุย จึงอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพราะประเทศไทยขณะนี้เปิดแล้ว