สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในโครงการ 'Global Business Matching 2020 : เปิดโลกการค้า เจรจาธุรกิจ พิชิตตลาดส่งออก' ที่จัดโดยธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) วันที่ 7 ส.ค. 2563 ว่า จากผลกระทบจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท เพราะมูลค่ารายได้จากการท่องเที่ยวของไทยปีหนึ่งๆ มีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท
อีกทั้งขณะนี้มีคนตกงานแล้ว 3 ล้านคน ถ้ารัฐบาลไม่มีมาตรการใหม่เพิ่มเติม หรือมาตรการเดิมขยายออกไป ให้เกิดผลจะมีคนตกงานปีนี้ 6-7 ล้านคน และมีผู้ประกอบการทยอยปิดกิจการเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นรัฐบาลต้องใช้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจมากกว่านี้ ซึ่งการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 3 ฉบับ 1.9 ล้านล้านบาท มองว่ายังไม่เพียงพอ ซึ่งรัฐบาลควรออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท เพื่อมาดูแลเศรษฐกิจฐานราก เพราะขณะนี้หนี้สาธารณะของประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ภาคเอกชนเห็นว่า ภาระกิจสำคัญเร่งด่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ต้องเร่งตั้งคณะฟื้นฟูเศรษฐกิจร่วมระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ เพื่อนำเสนอมาตรการในทิศทางเดียวกันให้สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องกระจายเป็นย่อยแล้วค่อยๆ เสนอขึ้นมาเหมือนในอดีต และเร่งการแก้ปัญหาสภาพคล่องของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งภาคเอกชนจะเสนอให้มีการยืดหนี้ออกไปอีก 2 ปี โดย 6 เดือนแรกพักทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ส่วนที่เหลืออีก 1 ปีครึ่ง ให้พักเงินต้น แต่จ่ายดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ยังจะมีการเสนอมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพราะมีผู้บริโภคจำนวนหนึ่งยังมีกำลังซื้อ รวมทั้งภาครัฐต้องเร่งการใช้จ่าย และการเร่งให้บรรษัทค้ำประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกันปล่อยกู้ซอฟต์โลนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่ขณะนี้ปล่อยกู้ได้เพียง 1 แสนล้านบาท จะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: