นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงถึงเรื่องการจัดสรรคลื่นความถี่ในคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ และพูดรวมไปถึงการใช้มาตรา 44 ในการบริหารจัดการและกล่าวหาถึงรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในเรื่องการเลือกประโยชน์ให้กับนายทุน ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนทราบดีว่าการบริหารคลื่นความถี่มีหน่วยงาน กสทช. ซึ่งเป็นงานอิสระในการรับผิดชอบเรื่องนี้
ส่วนที่ทีวีดิจิทัลมีปัญหานั้น เกิดขึ้นจริง ซึ่งทุกคนรู้ดีการประมูลทีวีดิจิทัลเป็นไปตามกรอบหน้าที่ของรัฐบาลในขณะนั้นในปี 2556 ได้ประมูลทีวีดิจิทัลและมีการคู่แข่งขันสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายและราคาของทีวีสูงมาก ซึ่งก็ไปบริหารจัดการขึ้นต่างๆ
แต่เมื่อปี 2561 มีปัญหาและไม่สามารถพาตัวเองผ่านไปได้ เพราะการประมูลครั้งนั้นมีราคาที่สูงเกินจริง ซึ่งเป็นภาคเอกชนแข่งกันเองเมื่อมาถึงว่าเหตุการณ์ในวันนั้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นนั่นคือวิกฤตของประเทศไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ได้เกี่ยวกับการออกกฎหมายมาตรา 44 จากนั้นจึงได้ยื่นเรื่องมาที่ กสทช. ให้ช่วยเหลือ ซึ่งทีวีดิจิทัลรองรับด้วยคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ ไม่ใช่คลื่นเดียวกันกับคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ที่ได้อภิปรายไปเมื่อวานที่ผ่านมา (24 ก.พ.)
นายพุฒิพงษ์ ยังชี้แจงว่าการออกกฎหมายมาตรา 44 เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่ประมูลไป เพราะการออกมาตรา 44 ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการในธุรกิจสื่อ และแก้ปัญหากับประเทศด้วย แต่ตอนนี้ธุรกิจสื่อยังคงเดินหน้าต่อไปได้และมีการประมูลคลื่นความถี่ 5G ทำให้มีเงินเข้ามาเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2563 กว่า 1 แสนล้านบาท อีกทั้งยังมีแนวทางต่างๆ ในการพัฒนาประเทศจึงอยากให้พรรคฝ่ายค้านพูดถึงประเด็นนี้ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :