ไม่พบผลการค้นหา
หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ ได้ปิดการสอบสวนการค้นพบโคเคนในทำเนียบขาว โดยระบุว่าทางหน่วยงานได้พยายามระบุตัวผู้ต้องสงสัยด้วยลายนิ้วมือ ร่องรอยดีเอ็นเอ และหลักฐานวิดีโอ แต่ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้

โคเคนจำนวนดังกล่าวถูกค้นพบเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ ในพื้นที่เก็บของบริเวณปีกอาคารทำเนียบขาวด้านตะวันตก ซึ่งผู้เยี่ยมชมทัวร์ต้องทิ้งโทรศัพท์มือถือเอาไว้ อย่างไรก็ดี ในขณะช่วงการพบโคเคน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และครอบครัว กำลังพักผ่อนอยู่ที่แคมป์เดวิดในมลรัฐแมรี่แลนด์

ถุงพลาสติกขนาดเล็กที่ใช้บรรจุโคเคนดังกล่าว ถูกพบในพื้นที่ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยมันวางอยู่ที่เก็บโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ส่วนตัวอื่นๆ ก่อนการเข้าเยี่ยมชมทำเนียบขาว ทั้งนี้ หลังจากโคเคนถูกค้นพบครั้งแรก ทำเนียบขาวทำการปิดการเยี่ยมชม เพื่อรักษาความปลอดภัยและระบุชนิดสารดังกล่าวทันที

"มันไม่ใช่สารเคมีหรือสารกัมมันตภาพรังสีที่คุกคามความปลอดภัยของทำเนียบขาว" หน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ ระบุในการแถลง โดยหลังจากการทดสอบวัสดุ มีการระบุว่ามันคือโคเคน ทั้งนี้ หน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ ทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบของสารดังกล่าว ตลอดจนการวิเคราะห์ปลายนิ้วและดีเอ็นเอขั้นสูงบนบรรจุภัณฑ์ ยังได้รับการดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการอาชญากรรมของเอฟบีไอด้วย

ในขณะเดียวกัน หน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ ยังได้ดำเนินการสืบสวนต่อไปว่า มีการนำสารดังกล่าวเข้ามาในทำเนียบขาวได้อย่างไร โดยพวกเขาได้ทำการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยในวันที่มีการค้นพบโคเคนดังกล่าว ผ่านการจัดทำ "ดัชนีบุคคลหลายร้อยคน" ที่ "อาจเข้าถึง" พื้นที่ที่พบยาเสพติดได้

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 ก.ค.) หน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ ได้รับหลักฐานทางนิติเวชกลับมาจากเอฟบีไอ โดยหลักฐานแสดงให้เห็นว่าไม่มีหลักฐานดีเอ็นเอเพียงพอสำหรับการเปรียบเทียบ และไม่มี "ลายนิ้วมือแฝง" ทั้งนี้ แถลงการณ์ได้ระบุว่า “ดังนั้น หน่วยสืบราชการลับจึงไม่สามารถเปรียบเทียบหลักฐานกับกลุ่มบุคคลที่ทราบได้”

นอกจากนี้ หน่วยสืบราชการลับระบุว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ได้ถูกใช้งาน ซึ่งหมายความว่าไม่มีการหาตัวผู้ต้องสงสัยจาก "คนหลายร้อยคน" ที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ โดยไม่ต้องมีหลักฐานทางกายภาพ หน่วยสืบราชการลับยังระบุเสริมอีกว่า ทางหน่วยงาน "ปฏิบัติภารกิจในการปกป้องผู้นำ สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมต่างๆ ของสหรัฐฯ อย่างจริงจัง" และกำลัง "ปรับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการ ของสภาพแวดล้อมการรักษาความปลอดภัย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต"

ตามรายงานของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดแห่งสหรัฐอเมริกา โคเคนเป็นยาเสพติดประเภท 2 ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสารควบคุม ซึ่งหมายความว่าโคเคนมีศักยภาพสูงในการใช้งานในทางที่ผิด 

ทำเนียบขาวระบุว่า โคเคนดังกล่าวถูกพบใน "พื้นที่ที่มีผู้คนสัญจรไปมาหนาแน่นในอาคาร" แต่การปิดการสอบสวนโดยไม่พบตัวผู้กระทำผิด ได้จุดชนวนความไม่พอใจในหมู่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ของพรรครีพับลิกัน โดยอีกหลายคนแสดงความไม่พอใจต่อหน่วยสืบราชการลับ หลังจากได้รับการบรรยายสรุปอย่างเป็นความลับเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.ค.)


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-66194754?fbclid=IwAR2Sw_dFRzZQCfrKgW9R-ow64GajW92t3ZkuoKuTWA8ZYUFyN9GQ-9lmR20