องค์กรลักลอบขนตัวอย่างเลือดนับสิบๆ ราย โฆษณาบริการเหล่านี้อย่างเปิดเผย ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ และเว่ยป๋อ (Weibo) โซเชียลเน็ตเวิร์กของจีน แม้ทางการจีนจะมีการห้ามตั้งแต่ปี 2003 ให้การทดสอบใดๆ เพื่อระบุเพศของตัวอ่อนทารก จัดว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตโดยแพทย์ด้วยเหตุผลทางการแพทย์เท่านั้น
การทดสอบเพื่อระบุเพศทารก เป็นผลมาจากค่านิยมของชาวจีนที่ต้องการลูกชายมากกว่าลูกสาว และภายหลังการออกนโยบายลูกคนเดียวในปี 1979 ก็ทำให้ชาวจีนยิ่งมีความต้องการจะกำหนดเพศของบุตรที่จะเกิดมา ส่งผลให้ประเทศจีนมีอัตราส่วนประชากรที่ไม่สมดุล โดยตัวเลขล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ชี้ว่าชาวจีนเพศชายมีจำนวนมากกว่าเพศหญิงถึง 31.6 ล้านคน โดยในปีที่แล้ว ทารกที่เกิดมามีสัดส่วนเป็นทารกเพศชาย 115 คน ต่อทารกเพศหญิงทุก 100 คน
แม้ภายหลังการยกเลิกนโยบายดังกล่าวในปี 2015 และอนุญาตให้ทุกครอบครัวมีบุตรได้สองคน ความพยายามจะระบุเพศของทารก เพื่อตัดสินใจว่าจะเก็บทารกไว้หรือยุติการตั้งครรภ์ก็ยังคงมีอยู่ โดยพ่อแม่ที่มีลูกสาวแล้ว ก็ต้องการให้ลูกคนที่สองเป็นเพศชาย
ขณะที่ผลตรวจอัลตราซาวด์สามารถระบุเพศของทารกได้หลังตั้งครรภ์ไปแล้ว 5 เดือน องค์กรลักลอบขนตัวอย่างเลือดเหล่านี้ใช้วิธีการตัวโครโมโซมจากดีเอ็นเอในเลือด ซึ่งตามธรรมชาติแล้วเพศชาติจะมีโครโมโซม XY ส่วนผู้หญิงจะมีโครโมโซม XX องค์กรตัวกลางเหล่านี้โฆษณาว่าการตรวจโครโมโซม Y ในดีเอ็นเอผ่านเลือด สามารถระบุเพศได้แม่นยำร้อยละ 99.4 ถึง 99.99 ตั้งแต่เมื่อมีอายุครรภ์ 5 ถึง 7 สัปดาห์ โดยมีค่าบริการ 3,000 - 4,000 หยวน (ราว 14,000 - 18,500 บาท)
สำนักข่าวอิงค์สโตนชี้ว่าในปี 2019 มีองค์กรตัวกลางลักลอบตรวจผลเลือด 52 ราย จากเดิมที่มี 29 รายในปี 2017
ผู้ใช้บริการต้องส่งผลเลือดไปยังเซินเจิ้นเพื่อลอบขนข้ามชายแดนไปยังฮ่องกงซึ่งการตรวจเพศด้วยผลเลือดถูกกฎหมาย โดยคลินิกบางแห่งในฮ่องกงเลือกที่จะแสร้งไม่รับรู้ถึงที่มาของตัวอย่างเลือดซึ่งลักลอบขนย้ายมา
มีตัวกลางบางรายเลือกใช้คนในการลักลอบขนย้ายตัวอย่างเลือดด้วย โดยในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 เด็กสาวชาวจีนวัย 12 ปี ถูกคุมตัวที่ชายแดนเซินเจิ้นหลังพยายามลอบขนกระเป๋าเป้ซึ่งมีตัวอย่างเลือดของสตรีมีครรภ์บรรจุอยู่ในหลอดทดลอง 142 ชิ้น เด็กสาวระบุว่า เธอได้รับการว่าจ้างให้ขนตัวอย่างไปให้ชายในฮ่องกงซึ่งจะเป็นผู้จ่ายเงินให้เธอ
หนึ่งในองค์กรตัวกลางกล่าวกับสำนักข่าวอิงค์สโตนว่า การส่งผลตรวจเลือดนั้นแนะนำให้ซ่อนไว้ในตุ๊กตาตัวใหญ่หรือบรรจุภัณฑ์อาหารเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้น
ชาวจีนแผ่นดินใหญ่บางราย เลือกก็เลือกจะเดินทางไปยังฮ่องกงด้วยตัวเองเพื่อทดสอบผลเลือด ชายชาวจีนสกุลหวัง วัย 39 ปี กล่าวว่าเขาถูกกดดันโดยพ่อแม่อย่างหนักให้ผลิตทายาทเพศชาย จึงเดินทางจากมณฑลกุ้ยโจว มายังเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
"ผมมีลูกสาวสามคนแล้ว พูดตรงๆ เลยนะ ผมอยากได้ลูกชาย" หวังผู้ละเมิดนโยบายลูกคนเดียวของจีนเช่นเดียวกับที่ครอบครัวชาวจีนที่มีฐานะมั่งคั่งและมีเส้นสายมักทำกัน กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี ที่หน้าแล็บทดสอบในเกาลูน ฮ่องกง ขณะที่ภรรยาทดสอบผลเลือด พร้อมเสริมว่า ภรรยาจะยุติการตั้งครรภ์ หากผลทดสอบออกมาว่าตัวอ่อนทารกเป็นเพศหญิง
"ตอนนี้เธอเพิ่งท้องมาประมาณ 50 วัน ก็เลยจัดการ (ยุติการตั้งครรภ์) ด้วยการกินยาได้" หวัง กล่าว
ธุรกิจนี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามกับแล็บทดสอบในฮ่องกงซึ่งเพิกเฉยต่อกฎของตัวเอง ตามแนวทางปฏิบัติแล้ว นักเทคนิคประจำห้องปฏิบัติการณ์ไม่ควรทดสอบผลเลือดหากไม่มีคำสั่งจากแพทย์ท้องถิ่น มิเช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการถูกเพิกถอนใบอนุญาต
แม้การขนส่งตัวอย่างเลือดออกจากประเทศจีนโดยไม่ได้รับอนุญาตจะผิดกฎหมาย แต่ในฮ่องกงจะนับว่าผิดกฎหมายเฉพาะการนำเข้าตัวอย่างเลือดที่ต้องสงสัยว่ามีการติดเชื้อเท่านั้น
กระทรวงสาธารณสุขฮ่องกง กล่าวกับเอเอฟพีว่ามีจำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบตรวจเลือดสูงขึ้นถึงสามเท่าจากปี 2016 แต่ไม่มีคดีไหนถูกสั่งฟ้อง เนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ
กวอ เจียฉี สมาชิกสภา���ิติบัญญัติฮ่องกง ผู้เป็นแพทย์ด้วย เรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกง ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของจีนแผ่นดินใหญ่ในการทลายเครือข่ายลักลอบตรวจเลือด
"ในทางจริยธรรมแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะนี่จะยิ่งส่งเสริมให้ผู้คนทำการเลือกเพศของเด็กที่เกิดมากันมากขึ้น" เขากล่าวกับเอเอฟพี
ที่มา: AFP / Inkstone News / SCMP