วันที่ 20 ก.พ. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช คณะ กรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการที่เศรษฐกิจประเทศไทยตกลงอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 8 ปีแล้วนั้น นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ จนได้ฉายาจากฝ่ายค้านว่า “แพง จน พัง ทั้งแผ่นดิน” สาเหตุมาจากการที่ผู้นำขาดความรู้และความเข้าใจใน เทรนด์โลก (Mega Trends) จึงทำให้คนไทยตกอยูในภาวะของการเป็นผู้ตามชาติที่เจริญแล้วอยู่เสมอ โดยเรามักจะตกขบวนโอกาสการลงทุนที่มีอนาคต
"ดังนั้นจึงขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับทัศนคติและแนวคิดแบบยืดหยุ่น เพื่อที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคตข้างหน้า โดยเน้นให้เชื่อมั่นในศักยภาพของคน และจัดให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด โดยเฉพาะการคิดในเชิงบวก (Growth Mindset) เรียนรู้จากความล้มเหลวในการบริหารประเทศที่ผ่านมา"
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าวอีกว่า ที่สำคัญควรศึกษา Mega Trends เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเราควรที่จะลงทุนสิ่งไหน ในตลาดโลกยุคปัจจุบันและอนาคต เพื่อช่วยแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจไทย
"เพราะถ้าหากเราทราบแล้วว่าอะไรเป็นโอกาสที่แท้จริง เราก็ควรที่จะหาเครื่องมือลงทุน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน โดยเฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อย เพราะในทุกวันนี้คนไทยตกงาน จนแทบไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้ว" ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าว
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย เห็นสมควรให้รัฐบาลเร่งศึกษาและรีบนำ Mega Trends เหล่านี้มาเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ อาทิเช่น เทคโนโลยีว่าด้วยการเก็บข้อมูล (BlockChain) การใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพื่อส่งมอบบริการผ่านเครือข่าย (Clound Computing) การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) กีฬาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Sport) เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) การศึกษาจีโนมิกส์ (Genomics) นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Eclectic Vehicle) อาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food) และพลังงานสะอาด (CleanTech)
"เพราะการลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลก และเปลี่ยนวิถีชีวิตการดำรงชีวิตของผู้คนในระยะยาว โดยเราจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ นี้จะทำให้คนมีชีวิตที่สะดวกสะบายขึ้น เชื่อมโยงกันง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า การเงิน การสื่อสาร การเดินทาง และความบันเทิง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในยุคปัจจุบันต้องการ" ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าว
คณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทยผู้นี้กล่าวอีกว่า การที่คนทั่วโลกให้ความเชื่อมั่นในส่วนของการแพทย์ไทยอยู่แล้ว ถ้าหากเราสามารถพลิกวิกฤต โควิด-19 ให้เป็นโอกาส เราก็สามารถที่จะกลายเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพของผู้คนทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากสภาพการณ์ปัจจุบันที่คนทั้งโลกกำลังประสบพบเจอกับปัญหาโลกร้อน หากประเทศไทยสามารถที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต โดยใช้ประโยชน์จากพลังงานจากทรัพยากรธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยก่อให้เกิดผลเสียหรือผลกระทบต่อประชากรโลกให้น้อยที่สุด จะยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลกอยากที่จะมาลงทุน
"ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องรีบปรับตัวเสียตั้งแต่บัดนี้ มิฉะนั้นคงจะอยู่ยากในสถานการณ์โลกที่พลิกผันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ และคงจะตกที่นั่งลำบากหากเปิดสมัยศึกซักฟอกรัฐบาลในครั้งต่อไป" คณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทยกล่าว