วันนี้ (17 ก.ย. 2567) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ผู้อํานวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 66 รวมทั้ง วิทยาลัยเสนาธิการทหาร (วสท.) รุ่นที่ 65 วิทยาลัยการทัพบก (วทบ.) รุ่นที่ 69 วิทยาลัยการทัพเรือ (วทร.) รุ่นที่ 56 และวิทยาลัยการทัพอากาศ (วทอ.) รุ่นที่ 58 ครั้งนี้ด้วย
สำหรับการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการเสนอแนะยุทธศาสตร์ระดับนโยบายที่เป็นประโยชน์แก่รัฐบาล ในการประกอบการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ที่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญตามแนวคิดยุทธศาสตร์ “THAILAND NEXT : เปลี่ยนใหญ่ประเทศไทย” ซึ่งประกอบด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญ อาทิ การซ่อมฐานราก การดูแลรักษา ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ (Wellbeing Economy) ผลัดใบเศรษฐกิจให้เป็นอุตสาหกรรม 5.0 โดยใช้นวัตกรรมเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมีปัญญาประดิษฐ์ เป็นหัวใจในการทำงาน (Industry 5.0 &AI)
ภายหลังรับฟังการแถลงผลการศึกษาของนักศึกษาฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ ได้ฟังจากรายงานจากทุกคน ตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การเปลี่ยนความท้าทายในทุกวันนี้ให้เป็นโอกาส เป็นประโยชน์มาก
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจาก The Great Disruption จากโค้ดดิ้งมาเป็น AI ที่สำคัญมากขึ้น ต้องเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน ซึ่งข้อเสนอที่ศึกษาวิทยาลัยรุ่น 66 นำเสนอทั้ง 12 จุดเปลี่ยนแปลง ใน 4 มิติ คือการซ่อมรากฐานเพื่อการลงทุน การยกระดับความเป็นอยู่ พัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาระบบน้ำท่วมน้ำแล้งทั้งประเทศ รวมถึงประสานพลังจากภาคเอกชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้ประโยชน์เกิดขึ้นกับประชาชน
ประเด็นการผลักดันเศรษฐกิจ เพื่อสร้างเศรษฐกิจอยู่ดีมีสุข โดยใช้เทคโนโลยี AI พัฒนาอุตสาหกรรม ผ่านนโยบาย Open Thailand นำองค์กรความรู้มาประยุกต์ให้ใช้ในการพัฒนาประเทศ วางรากฐานของประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและรับมือกับปัญหาโลกไปพร้อม ๆ กัน รัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนที่เพิ่มขึ้นให้ได้ โดยตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับประเทศต่างๆ เพื่อเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาลงทุนและพัฒนาเศรษฐกิจไปด้วยกัน
สำหรับการพัฒนาระบบของราชการเน้นลดขนาดและลดขั้นตอน สนับสนุนการใช้ One Stop Service เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบบริการของภาครัฐได้อย่างเร็วและสะดวก เช่นเดียวกับการจัดตั้ง ศปช. เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานในเรื่องน้ำท่วม และในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ยังได้มีการหารือเรื่องการเยียวยาให้กับประชาชน
รัฐบาลพร้อมส่งเสริมกองทัพรองรับความท้าทายพัฒนาสู่การเป็นกองทัพที่ทันสมัยเข้าถึงเทคโนโลยี ผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งนโยบายเร่งด่วนของนักศึกษา วปอ. รุ่น 66 ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำงานของรัฐบาลต่อไปในอนาคต และ “One Team ทัพไทย” จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการป้องกันประเทศและช่วยเหลือประชาชน และทำให้กองทัพเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงลดช่องว่างระหว่างกัน เพื่อการประสานงานแล้วก็การเป็นอยู่ต่อไปในอนาคต
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลพยายามเร่งทำนโยบายทุกอย่างให้สำเร็จ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งรัฐบาลมีความเข้มแข็ง
“ในฐานะนายกรัฐมนตรีขอโอกาสกับทุก ๆ คน ประสานพลังกับทุก ๆ คน ทั้งข้าราชการ เอกชน นักการเมือง ให้ช่วยกันพัฒนาประเทศ ร่วมมือกันทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ถ้ามีคำแนะนำซึ่งกันและกันก็เป็นเรื่องที่ดีมาก รัฐบาลพร้อมรับฟังและจะนำไปปรับใช้ ร่วมกัน ทำให้ประเทศของเราเป็นประเทศที่คนไทยทุกคนกล้ามีความหวัง ทำให้ทุกคนภูมิใจในประเทศไทย” นายกรัฐมนตรีกล่าว