นอกจากนี้ บาสทรีกิ้นยังเสนอจัดให้มีศาลระหว่างประเทศเพื่อขึ้นพิจารณาคดี โดยได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ รวมทั้งโบลิเวีย อิหร่าน และซีเรีย
ทางการรัสเซียได้ออกหมายจับชาวยูเครนจำนวน 96 คน ซึ่งรวมถึงผู้บัญชาการกองทัพยูเครน 51 คน โดยบาสทรีกิ้นกล่าวว่า ชาวยูเครนเหล่านี้มีส่วนร่วมใน "อาชญากรรมต่อสันติภาพและความมั่นคงของมนุษยชาติ"
ในขณะเดียวกัน ยูเครนก็กำลังดำเนินการสอบสวนของตนเองเช่นกัน โดยในเดือนนี้ รัฐบาลยูเครนกล่าวว่าตนกำลังตรวจสอบอาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมการรุกรานมากกว่า 21,000 คดี ซึ่งมีการกล่าวหาว่ารัสเซีบเป็นผู้กระทำตั้งแต่เริ่มการรุกรานในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาและศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ส่งทีมสืบสวนและผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชไปที่ยูเครน ในฐานะ "ที่เกิดเหตุ"
ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียได้ปฏิเสธข้อหาการก่ออาชญากรรมสงครามทั้งหมด หรือข้อกล่าวหาว่าตนมุ่งการโจมตีไปที่พลเรือน ก่อนที่จะกล่าวหายูเครนว่าเป็นผู้ยิงถล่มโครงสร้างพื้นฐานและสังหารพลเรือนของตนเอง ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ผู้นำนานาชาติให้การปฏิเสธอย่างกว้างขวาง
บาสทรีกิ้นกล่าวหาว่า การที่ตะวันตกสนับสนุน "ชาตินิยมยูเครน" อย่างเปิดเผยนั้น ทำให้การพิจารณาคดีต่าง ๆ ที่ได้รับสนับสนุนจากสหประชาชาติเต็มไปด้วยความน่าสงสัย รัสเซียจึงเสนอให้จัดตั้งศาลระหว่างประเทศร่วมกับประเทศที่มี “จุดยืนอิสระในเรื่องประเด็นยูเครน” โดยเฉพาะซีเรีย อิหร่าน และโบลิเวีย
นอกจากเป้าหมายทางการทหารและการเมืองของยูเครนแล้ว บาสทรีกิ้นกล่าวว่ารัสเซียกำลังสืบสวนพนักงานกระทรวงสาธารณสุขของยูเครนด้วยเช่นกัน โดยรัสเซียกล่าวหาอย่างไม่มีหลักฐานว่า กลุ่มคนดังกล่าวกำลังพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง
นอกจากนี้ บาสทรีกิ้นยังระบุกับหนังสือพิมพ์ว่า ยังมีผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นทหารรับจ้างจากสหราชอาณาจักร สหรัฐฯ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ และจอร์เจีย ที่กำลังอยู่ภายใต้การสอบสวนของทางการรัสเซียอยู่
ในเดือน มิ.ย. มีการตัดสินประหารชีวิตโดยมติของศาลฝักใฝ่ฝ่ายรัสเซียในพื้นที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยุเครนตะวันออก ต่อชาวสหราชอาณาจักรษ 2 คน อย่าง ไอเดเน แอสลิน กับ ชอน พินเนอร์ และชาวโมร็อกโกอีก 1 คน ซึ่งทั้งสามถูกจับขณะต่อสู้เพื่อยูเครน และถูกกล่าวหาว่าเป็นทหารรับจ้าง อย่างไรก็ดี ครอบครัวของผู้ถูกจับยืนยันว่าพวกเขาเพียงแค่รับราชการในกองทัพยูเครนมาอย่างยาวนานเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้ ในเดือนพ.ค. ยูเครนได้ทำการพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามครั้งแรกต่อทหารรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาการกองรถถัง ผู้ที่ทำการสังหารพลเรือนยูเครน ก่อนที่จะมีการตัดสินจำทหารรายดังกล่าวตลอดชีวิต
ที่มา: