คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยว่า รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญเศรษฐกิจโดยเฉพาะค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป ซึ่งควรจะมีการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันพรุ่งนี้(6พ.ย.62) รวมทั้งใช้มาตรการทางการคลังสร้างกำลังซื้ออย่างยั่งยืน ไม่เช่นนั้นปีหน้าเศรษฐกิจไทยอาจจะเข้าสู่ภาวะเผาจริงแน่นอน

ขณะเดียวกันได้ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พูดว่าไทยถูกสหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือจีเอสพี อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจไทยโตเร็วเกินไป แต่อีก 2 วัน กลับมาพูดใหม่ว่าเศรษฐกิจไทยโตช้า จึงต้องตั้งคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้และเข้าใจภาวะที่แท้จริงของเศรษฐกิจหรือไม่ โดยเฉพาะฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าทุกสกุลในโลก แข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปีที่ 30.16 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นเฉพาะในปีนี้เกือบ 8 เปอร์เซ็นต์ แต่หากเทียบอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยในปี 2557 เท่ากับ 32.915 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งแข็งค่ามากกว่าเงินสกุลของคู่ค้าอื่นๆ จนถึงวันนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงเกือบ 3 บาท แสดงให้เห็นว่านับแต่มีการยึดอำนาจการลงทุนภาคเอกชนก็หดหายไปตั้งแต่บัดนั้น  

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุอีกว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัญหาต่อการส่งออกและส่งผลต่อการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวในปีนี้อย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้ธุรกิจส่งออกสูญเสียความสามารถในการแข่งขันโดยสิ้นเชิงเราจึงเห็นภาพว่าโรงงานต่างๆ ต้องลดกำลังการผลิต ลดเวลาจ้างแรงงาน หลายแห่งทะยอยปิดตัวลง เพราะส่งออกไม่ได้ ขายในประเทศก็ไม่ได้ เพราะกำลังซื้อภายในประเทศก็หดหายเช่นกัน

ประธานยุทธศาสตร์เพื่อไทย จึงเรียกร้องให้รัฐบาล ต้องใช้มาตรการทางการคลังสร้างกำลังซื้ออย่างยั่งยืน ไม่ใช่การหว่านแจกเงิน ที่ไม่ได้ให้ผลในการสร้างกำลังซื้ออย่างยั่งยืน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในอันเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวเดียวที่ยังขับเคลื่อนได้ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน 

"พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ต้องยอมรับความจริงว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยย่ำแย่มากแล้ว ต้องการการลงมือทำงาน แก้ปัญหาทันที มิใช่การแก้ตัว ด้วยคำพูดไปวันๆ" สุดารัตน์ ระบุทิ้งท้าย