นายเจอโรม เพาเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักในการฟื้นตัว เมื่อประเมินตัวเลขอัตราการว่างงานทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 9.3 และจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องอีกหลายปี ซึ่งตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Worldmeters ปัจจุบันสหรัฐฯ มีประชากรทั้งสิ้น 330 ล้านคน สัดส่วนดังกล่าวจึงคำนวณเป็นผู้ตกงานได้ประมาณ 30.69 ล้านคน ขณะที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) อาจติดลบร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY)

ทำทุกอย่างที่ทำได้

มาตรการต่างๆ ที่เฟดปรับใช้ในปัจจุบันเพื่อช่วยเหลือประชาชนมีทั้งการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เข้าใกล้ศูนย์ ทั้งยังย้ำว่าจะคงอัตราดังกล่าวเอาไว้จนกว่าเศรษฐกิจจะกลับเข้าที่เข้าทาง ซึ่ง แอนดรูว์ วอร์กเกอร์ ผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจและนักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์ก ก็คาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนถึงปี 2566

ในเวลาเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังบังคับใช้นโยบายอัดฉีดเม็ดเงินมหาศาลหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าระบบการเงิน ผ่านการซื้อตราสารหนี้ภาครัฐและสินทรัพย์อื่นๆ กระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลายของตลาด ทั้งยังปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กรวมไปถึงพันธบัตรของเทศบาลท้องถิ่นด้วย 

ล่าสุดเฟดออกมาย้ำเมื่อวันพุธที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่าแม้สถานการณ์ในระบบการเงินจะปรับตัวดีขึ้น แต่ธนาคารกลางก็พร้อมที่จะสนับสนุนตลาดอย่างต่อเนื่องท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเม็ดเงินที่ทุ่มลงไปกับการซื้อสินทรัพย์ต่างๆ ของธนาคารกลางเป็นการช่วยเหลือนักลงทุนที่ร่ำรวยอยู่แล้ว 

ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวปิดท้ายแถลงการณ์ด้วยว่า "เฟดจะทำทุกอย่างที่เราทำได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน" เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวและ "หยุดยั้งผลกระทบระยะยาว" ที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจประเทศ

อ้างอิง; BBC, NYT

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• ธุรกิจใหญ่ไปต่อไม่ไหว 'เฮิรทซ์' ยื่นล้มละลาย ต่อท้าย 14 บริษัทสหรัฐฯ พังระเนระนาด
• 'คนตกงาน' ในสหรัฐฯ เฉียด 39 ล้านคน ภายใน 9 สัปดาห์หลังล็อกดาวน์
• 'Expedia' ประกาศเลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,000 คนทั่วโลก