ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ว่าฯ กทม. เร่งประมูลร่วมทุนโครงการรัฐ รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ-ใต้ทั้งโครงการ ย้ำค่าโดยสารตลอดสายต้องไม่เกิน 65 บาท

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กทม.เร่งดำเนินการเปิดประมูลร่วมทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพื่อกำหนดแนวทางการให้บริการประชาชน รวมถึงเรื่องของราคาค่าโดยสารที่ต้องมีความเหมาะสมกับผู้มีรายได้น้อย

โดยการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งเส้น อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการนโยบาย การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(บอร์ด PPP) เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วจะเร่งเปิดให้เอกชนเข้ายื่นข้อเสนอแข่งขันโครงการดังกล่าว 

โดยขีดเส้นให้ได้ตัวเอกชนและพร้อมลงนามสัญญาภายในเดือน เม.ย. 2562 เพื่อให้ได้ข้อสรุปด้านเอกชนที่ดำเนินการและนโยบายด้านค่าโดยสารใหม่ ก่อนที่จะเริ่มเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงสำโรง-สมุทรปราการ ในวันที่ 16 เม.ย. 2562 

สำหรับเงื่อนไขในการประมูลนั้นกำหนดว่าเอกชนต้องรับภาระหนี้สินและทรัพย์สินจำนวน 1 แสนล้านบาทแทนกทม.พร้อมชำระภายใน 10 ปีให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) 

ส่วนด้านเกณฑ์การให้คะแนนจะเน้นไปที่การเสนอผลตอบแทนให้กทม.และคนที่เสนอค่าโดยสารต่ำที่สุดซึ่งค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ-ใต้ ตลอดสายต้องไม่เกิน 65 บาท (ลำลูกกา-บางปู)และ(ลำลูกกา-บางหว้า/บางหว้า-บางปู) ตามที่กำหนดไว้ 

ทั้งนี้มีเอกชนที่มีศักยภาพสนใจเข้าร่วมประมูลเส้นทางดังกล่าวเพื่อเข้ามาบริหารแทนบีทีเอสในอนาคต ตอนนี้ยังเปิดเผยไม่ได้

"บีทีเอสส่งคนมาเจรจาแล้วหลายครั้ง อันที่จริงราคา 65 บาทมันก็ทำได้แต่เอกชนจะได้กำไรที่น้อย แต่ผมพูดแล้วคำไหนคำนั้น ต้องไม่เกิน 65 บาท" พล.อ.อัศวิน กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุว่า โครงการดังกล่าวจะมีอายุสัมปทาน 24-25 ปี ในรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมทุน PPP โดยคัดเลือกเอกชนบริหารรายเดียวตลอดเส้นทาง เพื่อรองรับการหมดสัมปทานของบีทีเอสที่จะสิ้นสุดในปี 2585 ทว่าในเงื่อนไขกทม.สามารถบอกเลิกสัญญาได้ตั้งแต่ปี 2572 ส่วนด้านปริมาณผู้โดยสารส่วนต่อขยายในปีแรกที่เปิดให้บริการคาดว่าอยู่ที่ราว 5.34 แสนคน/วัน รวมรายได้ปีละ 14,014 ล้านบาท สุดท้ายในปี 2584 จะมีผู้โดยสารส่วนต่อขยายรวม 5.9 แสนคน/วัน รวมรายได้ปีละ 20,582 ล้านบาท