สำนักข่าว CNN รายงานว่า ประชาชนหลายกลุ่มรวมถึงกลุ่มขวาจัดในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนีหลายพันคนรวมตัวกันออกมาประท้วงรัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการบังคับใช้มาตรการรุนแรงในการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 โดยพวกเขาเรียกมาตรการของทางภาครัฐว่าเป็น "COVID Hoax Measures"
ในการประท้วงครั้งนี้มีประชาชนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สวมใส่หน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามคำแนะนำของการเว้นระยะห่างทางสังคม ผู้ประท้วงต่างส่งเสียงเรียกร้องพร้อมยกป้ายประท้วง ร่วมกันเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังซุ้มประตูบรันเดินบวร์ค ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเบอร์ลิน มีการคาดการณ์ว่าน่าจะมีผู้ประท้วงทั้งจากเยอรมนีและประเทศอื่นๆ ของสหภาพยุโรปมาร่วมชุมนุมอย่างน้อย 20,000 คน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเยอรมนีประกาศเตรียมสั่งห้ามประชาชนไม่ให้รวมตัวประท้วงโดยเด็ดขาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฝ่าฝืนข้อบังคับทางสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปในวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังศาลปกครองกลางเยอรมนีได้มีคำตัดสินด่วนออกมาว่าประชาชนสามารถเดินหน้าประท้วงรัฐบาลได้ตามสิทธิเสรีภาพของชาวเยอรมนี
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการเริ่มชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจราว 3,000 นายได้กระจายกำลังไปทั่วบริเวณสถานที่ชุมนุมเพื่อจับตาการปฏิบัติตามมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมภายใต้กฎหมายป้องกันการแพร่ระบาด พร้อมกับทวีตว่า "เป็นที่น่าเสียดายที่เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปพูดคุยกับแกนนำของผู้ประท้วงพร้อมแจ้งว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องสลายการชุมนุม"
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จะยังด้วยว่า "เราได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐอื่นๆและตำรวจจากส่วนกลาง ขอให้ทุกคนรักษาระยะห่างและความปลอดภัย"