นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมกองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยกระทรวงคมนาคมได้ขานรับนโยบายเร่งดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา พร้อมสร้างการรับรู้ เพื่อลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชน
รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว สังคม เศรษฐกิจ รวมถึงสุขภาพของพี่น้องประชาชน โดยได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เฝ้าระวังติดตามป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่น PM 2.5 อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการบูรณาการเพื่อเข้าแก้ปัญหาดับไฟอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดไฟป่าในพื้นที่ข้างทาง เพื่อลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และผู้ที่ใช้เส้นทางสัญจร นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้มีการจัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนพร้อมรถบรรทุกน้ำ เพื่อรับมือสถานการณ์หมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ฉีดพ่นละอองน้ำ และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมแก้ไขสถานการณ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน
นางมนพร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ได้ร่วมรณรงค์ลดฝุ่นควัน สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือ โดยผลักดันโครงการนำร่องนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรออกจากแปลงป้องกันการเผา พร้อมส่งเสริมหมู่บ้านปลอดการเผา ให้ชุมชนตระหนักรู้และขับเคลื่อนการลดปัญหาฝุ่นควันอย่างยั่งยืน จากสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือ ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว สังคม เศรษฐกิจ รวมถึงสุขภาพของประชาชน ซึ่งมีหลายสาเหตุปัจจัย ถือเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง ภาครัฐต้องประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันทางภาคเหนือที่ถูกต้องและสร้างความร่วมมือของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในภาพรวมทั่วประเทศ กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมในการลดปัญหา พร้อมกับให้รายงานผลการดำเนินงาน และรวบรวมข้อมูล รวมถึงประมวลผลของการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้กระทรวงคมนาคมได้รับทราบ ทุกวันที่ 15 และ 30 ของทุกเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศสิ้นสุดสถานการณ์วิกฤตหรือจนกว่าจะมีข้อสั่งการให้ยุติการรายงาน
ในส่วนของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ขณะนี้พบว่า ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดมาตรการภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ระยะเร่งด่วน โดยจะเร่งดำเนินการ 4 มาตรการ ได้แก่ 1) ตรวจสอบและบำรุงรักษายานพาหนะของหน่วยงานให้มีสภาพดี มีค่าควันดำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง 2) การเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิง/พลังงานสะอาด เช่น น้ำมันไบโอดีเซล B10 และ B20 รวมถึงการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) 3) การแก้ไขปัญหาการจราจรติดบริเวณหน้าด่านเก็บเงินค่าผ่านทางบนทางพิเศษทุกสายทางและทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เช่น การใช้ระบบ M-flow การเพิ่มพนักงานจราจรและตำรวจจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกและเร่งระบายรถบริเวณหน้าด่าน และ 4) การลดฝุ่นละออง โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและพื้นที่ของภาคคมนาคม มีการปล่อยฝอยละอองน้ำแรงดันสูงเพื่อลดฝุ่นและเข้มงวดให้ผู้รับเหมาฉีดน้ำและรักษาความสะอาด และดำเนินการตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่กำหนด รวมทั้งติดตามตรวจสอบยานพาหนะและอุปกรณ์ในพื้นที่ก่อสร้างให้อยู่ตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด หากไม่ผ่านห้ามนำมาใช้โดยเด็ดขาดจนกว่าจะปรับปรุงให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน