นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง การเดินทางไปยุโรประหว่างวันที่ 9-16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า วัตถุประสงค์ของการเดินทาง คือ ต้องการสร้างเครือข่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ระดับสูง กลุ่มเครือข่ายทางประชาสังคมที่ต้องการผลักดันความเสมอภาคทางสิทธิมนุษยชน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้สะดวกขึ้นในวันที่เป็นรัฐบาลในอนาคต ทั้งนี้ได้ไปชี้แจงให้ผู้ที่สนใจการเมืองไทยรวมถึงเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหภาพยุโรปและศึกษาการพัฒนาเมืองเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในประเทศไทยและนำมาเป็นข้อมูลในการลงเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดยสิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงสะท้อนจากผู้ที่สนใจสถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทย ว่า อยากเห็นประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย นับถือในหลักการสิทธิมนุษยชนสากล และมีบทบาทอย่างเข้มแข็งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาระดับภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังได้เข้าใจเศรษฐกิจการเมืองระดับโลกมากขึ้น ซึ่งทำให้ทราบว่า ยุโรปในตอนนี้ต้องการประเทศพันธมิตร ที่เชื่อในหลักการสิทธิมนุษยชนเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันได้ศึกษาการจัดการเมือง ในการพัฒนาด้านต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส การพัฒนาที่อยู่อาศัย และพัฒนาเยาวชน โดยสิ่งที่ได้ไปศึกษานั้นจะนำมาอยู่ในนโยบายการเลือกตั้งท้องถิ่นของพรรคอนาคตใหม่
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ตนเองไม่อยู่ มีการพยายามโจมตีพรรคอนาคตใหม่ด้วยข้อกล่าวหาว่าตนเองหลบหนีออกนอกประเทศ นายธนาธร ระบุว่า ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคด้วยความเชื่อว่าจะต้องต่อสู้เพื่อให้อำนาจกลับมาเป็นของประชาธิปไตยนั้นทราบดีอยู่แล้วว่าจะต้องมีการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการที่วันนี้ได้แปลงร่างเข้าสู่ระบบการเลือกตั้ง ซึ่งตนเองและแกนนำพรรคได้มีการเตรียมใจอยู่แล้ว จึงยืนยันว่าไม่มีการหลบหนีอย่างแน่นอนพร้อมย้ำว่าแกนนำพรรคอนาคตใหม่ทุกคนตั้งใจที่จะผลักดันประชาธิปไตยพร้อมเผชิญกับคดีความต่างๆ
เช่นเดียวกับการตั้งข้อกล่าวหา เรื่องการขายชาติ พรรคอนาคตใหม่ทราบดีอยู่แล้ว ว่าต้องเผชิญกับการกดดันรูปแบบต่างๆ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จึงอยากทำความเข้าใจ คำนิยามของคำว่า ชาติ หมายถึง ประชาชน ไม่ใช่รัฐบาล ไม่ใช่ คสช. และไม่ใช่ความมั่นคงของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งสิ่งที่ไปพูดถึงคือสถานการณ์การเมือง และทำอย่างไรให้กลับมาเป็นประชาธิปไตย พร้อมระบุว่า คนที่กล่าวหาว่า ขายชาติ คือคนรับใช้เผด็จการ และคนเผด็จการต่างหาก คือ คนขายชาติ
ส่วนกรณีที่ถูกมองว่า การไปพบและให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ เป็นการจัดฉากนั้น นายธนาธร กล่าวว่า สื่อที่ตนเองไปพบนั้น เป็นสื่อชั้นนำระดับโลก ซึ่งการพิจารณาว่าจะทำข่าวใคร ย่อมผ่านการพิจารณาจากบรรณาธิการของสื่อนั้นๆ มาอย่างดี และไม่มีทางใช้เงินซื้อเพื่อให้มาทำข่าวอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา จะเดินทางไป ร้องเอาผิดกรณีตนเอง และนางสาวพรรณิการ์ วานิช กรณีไปให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ กระทบความมั่นคง นั้น ย้ำว่า ความมั่นคงของประเทศ เป็นคนละเรื่องกับรัฐบาล ซึ่งประเทศจะมั่นคงได้ ก็ต่อเมื่อกลับมาสู่ประชาธิปไตย พร้อมย้ำว่า การเดินทางไปยุโรปครั้งนี้ ไม่มีเจตนาทำร้ายประเทศ แต่เป็นการเดินทางไปชี้แจงการเมืองไทยให้สังคมโลกรับรู้ ไม่ใช่การขายชาติอย่างแน่นอน
นายธนาธร ยังกล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ว่า ได้เตรียมคน ที่จะภิปรายแล้ว ส่วนกรณีที่จะมีการบรรจุการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นในนโยบายด้วยนั้น ตอนนี้ยังไม่มีการลงรายละเอียด และเชื่อว่า จะไม่แก้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการคุมอำนาจ ของ คสช.ไว้ เช่น ที่มาขององค์การอิสระ และกลไกต่างๆ ที่วางไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ คสช. ซึ่งเป็นการแก้ในลักษณะผักชีโรยหน้า พร้อมเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะไม่แก้ไขในสิ่งที่เป็นหัวใจ ของการสืบทอดของตัวเองอย่างแน่นอน
โดยพรรคอนาคตใหม่ จะมีการพูดเรื่องนี้ในการแถลงนโยบายด้วย เพราะแม้องค์กร คสช.จะหมดไปแต่ยังคงอยู่ในระบอบที่สร้างขึ้น
ส่วนที่รัฐบาลกังวลว่า การอภิปรายครั้งนี้ จะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นั้น ยอมรับว่า ได้เตรียมอภิปรายรัฐบาลรายบุคคลไว้ แต่ยังไม่ขอลงรายเอียดและยังไม่ขอวิจารณ์ใด เพราะขณะนี้ นโยบายต่างๆ ยังไม่สรุป
"ศรีสุวรรณ" ยื่นเอาผิด "ธนาธร" บรรยายต่างประเทศ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้ดำเนินการส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนางสาวพรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เดินทางไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะทางการเมืองกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรป สหประชาชาติและสื่อมวลชนในหลายประเทศ รวมถึงมีการบรรยายสาธารณะในสถาบันการศึกษาหรือสถานที่ต่างๆ ระหว่างวันที่ 9-15 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นายศรีสุวรรณ ระบุอีกว่ามีหลายครั้งที่นายธนาธร กล่าวถึงประเทศไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยทั้งที่ผ่านมาการเลือกตั้งมาแล้ว รัฐบาลไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย รวมถึงต้องการให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยให้ประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยอีกครั้ง ซึ่งตนมองว่า เป็นการกล่าวเท็จและใส่ความประเทศไทย เป็นการชักศึกเข้าบ้าน เข้าข่ายการกระทำอันมีลักษณะล้มล้างระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินัจฉัยสั่งการให้นายธนาธรและพรรคพวก เลิกการกระทำหรือพฤติการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะมีสถานะเป็น ส.ส.หรือไม่ก็ตาม โดยกล่าวทิ้งท้ายว่า หากสำนักงานอัยสูงสุดไม่ดำเนินการส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน ตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :