พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
ซึ่งก่อน 24 ชั่วโมง ก่อนการยื่นญัตติ ฝ่ายค้านสรุปชื่อ 9 ชื่อ
มี พล.อ.ประยุทธ์ มี พล.อ.ประวิตร มีนายสมคิด มีนายวิษณุ
มีนายอนุทิน มีนายดอน มีนายอุตตม มีพล.อ.อนุพงษ์ และมี ร.อ.ธรรมนัส
ก่อนเขย่ากันกันมากกว่า 2 ครั้ง ในช่วงเย็น - ค่ำ
พรรคฝ่ายค้านมาเขย่าขวดกันในรอบไฟนอลช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค. ชื่อที่หลุดไป มีนายอนุทิน นายอุตตม และนายสมคิด ที่หลุดโผในนาทีสุดท้าย
แต่ชื่อที่โผหลอก - โผจริง ผลุบๆ โผล่ๆ อย่าง “พล.อ.ประวิตร” สุดท้ายก็ถูกบรรจุอยู่ในญัตติ
ขณะเดียวกันชื่อที่ยังอยู่ตั้งแต่โผแรกจนถึงโผสุดท้าย แน่นอนว่ามี พล.อ.ประยุทธ์ ยังมี นายวิษณุ นายดอน พล.อ.อนุพงษ์
ส่วน “ติดโผ” มาตลอดแต่ถูก “ดีดทิ้ง” ในวินาทีสุดท้ายคือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ทั้งที่ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ส.ส.เสียงเดียวในฝ่ายค้าน แห่งเศรษฐกิจใหม่ จองชื่อ จองเวลาไว้ซักฟอกรัว 4 ชั่วโมง
ว่ากันว่า ในรอบไฟนอลฝ่ายค้านนำข้อมูลที่จะ “ซักฟอก” มากองกัน แล้วได้ข้อยุติว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ “สมคิด” ต้องวางหลักให้แน่น หาไม่แล้ว จะเป็นการเปิดโอกาสให้ “สมคิด” ลุกขึ้นมา “สะกดคนดูทางบ้าน” ให้เคลิ้ม
แทนที่จะเป็นเวทีซักฟอก “สมคิด” ให้จนมุม อาจกลายเป็นการเปิดช่องให้ “สมคิด” สวมบท one man show
สมคิด – จึงไม่ติดอยู่ในโผ
เหตุที่ฝ่ายค้าน ชักเข้า - ชักออก แกนนำในฝ่ายพรรคเพื่อไทยรายหนึ่ง บอกว่า เหตุที่ฝ่ายค้านกว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ เพราะตกลงตัวบุคคลกันลำบาก ไม่เกี่ยวกับดีลลับ – ดีลพิเศษ เพราะฝ่ายค้านมีมากถึง 6 พรรค จึงต้องคุยกันให้ละเอียดถี่ถ้วน
“ในที่ประชุมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย มีมติจะยื่นญัตติอภิปรายพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจคือการประหารชีวิตทางการเมือง เป็นการทำลายทางการเมือง ตามยุทธศาสตร์เราเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นศูนย์กลางของเรื่อง ถ้าเราเอาข้อมูลทั้งหมดพุ่งเป้าทำลาย พล.อ.ประยุทธ์โดยตรง ก็จะมีผลทางการเมืองมากกว่า”
“แต่เราก็ต้องเห็นใจพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ต้องการอภิปรายคนอื่นๆ ด้วย ซึ่ง เช่น กรณีถวายสัตย์ฯ ไม่ครบของ พล.อ.ประยุทธ์ โดย พล.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็ยังยืนยันว่าจะอภิปรายและยืนยันว่ามีข้อมูลใหม่ ฝ่ายค้านก็ต้องยอม”แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับ “ญัตติ” ฝ่ายค้านที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ประกอบด้วย
“ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การบริหารราชการแผ่นตินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งผลกระทบและ ความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างกว้างขวาง เป็นยุคที่ทุจริตเพื่องฟู น้ำกำสังจะหมดเขื่อน มวลอากาศเป็นพิษเต็มเมือง เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนประเทศถึงแก่ความล่มจมได้” ญัตติฝ่ายค้านระบุ
สำหรับญัตติซักฟอกรัฐมนตรีคนอื่นๆ สรุปดังนี้
“พล.อ.ประวิตร” ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ใช้งบประมาณ ของรัฐเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
เพราะฝ่ายค้านมีหลักฐานเป็นกรณีที่ เกี่ยวข้องกับการให้หน่วยงานราชการล็อกสเปก จ้างบริษัทประชาสัมพันธ์แห่งหนึ่งที่เป็นคนใกล้ชิด “พล.อ.ประวิตร” รับงานพีอาร์
ญัตติซักฟอกของ “วิษณุ” ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านกฎหมายได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่าย แทรกแชง การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายด้านการเงินแก่รัฐ จำนวนมาก บังคับใช้และตีความกฎหมายโดยไม่ยึดหลักการและบรรทัดฐานที่ถูกต้อง จนทำให้การบังคับใช้กฏหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ชี้นำการปฏิบัติหน้ที่ของหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
เป็นเรื่องที่ “วิษณุ” ถูกกล่าวหาว่าเข้าไป “ล้วงลูก” คดีที่บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ถูกกล่าวหา หลบเลี่ยงการเสียภาษีนำบุหรี่เข้ามาในประเทศกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นข่าวชิ้นใหญ่ในช่วงเดือน พ.ย.2558
ญัตติซักฟอก “พล.อ.อนุพงษ์” บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้ที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง บริวารและพวกพ้อง
กลั่นแกล้งข้าราชการประจำ ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างกว้างขวาง จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย โชอำนาจในตำแหนโดยมิชอบเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ฝ่ายค้านพุ่งเป้าเกี่ยวกับเรื่อง “ขยะ” ทั้งโรงไฟฟ้าขยะ โรงกำจัดขยะ การนำเข้าขยะ ซึ่งเกี่ยวพันกับบุคคลใกล้ชิด
ญัตติซักฟอก “ดอน” คือ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง สัมเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรมและจริยธรม มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่ง หน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของชำราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิใช่ อำนาจหน้ที่ของตนตามที่กฎหมายบัญญัติ แทรกแซงกระบวนกายุติธรม ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามครรลองที่กำหนดไว้ เพื่อเอื้อประโยชนให้กับบริษัทข้ามชาติ ส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้ที่และใช้อำนาจ ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำพาชาติเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวเกี่ยวโยงกับ คดีที่บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด เช่นเดียวกับ “วิษณุ”
“ร.อ.ธรรมนัส” บริหารราชการ แผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ
หนีไม่พ้นเรื่องที่ ร.อ.ธรรมนัส ถูกกล่าวหาด้วยเรื่องเทาๆ และถูกดำเนินคดีในต่างแดน โยงถึงคุณสมบัติไม่เหมาะกับการเป็นรัฐมนตรี
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 3 ป.ผู้ยิ่งใหญ่ เสาหลักรัฐบาลโดนกันครบถ้วน
แต่จะเจ็บ จะเจ๊ง หรือแค่คันๆ จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของฝ่ายค้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง