นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.กล่าวถึงภาพรวมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครยังคงน่าเป็นห่วง เพราะตัวเลขยังทรงตัวอยู่ที่ 700-800 มากว่าสัปดาห์แล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้น จึงฝากเน้นย้ำไปยังประชาชนและสถานประกอบการให้ยังคงเข้มงวดมาตรการทางสาธารณสุข โดยเฉพาะมาตรการ COVID-Free Setting
พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่ลังเล โดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าผลข้างเคียง ที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งตามเป้าหมายต้องฉีดวัคซีนให้ 70% โดยตั้งเป้า 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ แต่ขณะนี้จะเร่งดำเนินการให้ได้ภายสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากเหลือประชาชนที่ต้องรับวัคซีนเข็มที่ 1 เพียง 5.2 ล้านคนก็จะครบ 70% และในเดือนธันวาจะฉีดวัคซีนครอบคลุม 80% ซึ่งมากกว่าเป้าหมาย จึงเป็นเหตุผลให้ทุกหน่วยงาน เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะอยากให้คนไทยทุกคนเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ ภายใต้ปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม นพ.อุดม แสดงความเป็นห่วงคลัสเตอร์งานประเพณีอย่าง งานบุญกฐิน งานศพ ซึ่งมีคลัสเตอร์เกิดขึ้นใหม่หลายหลายจังหวัด เช่นเดียวกับ ประเพณีลอยกระทงที่จะมีการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ขอย้ำให้ประชาชนระมัดระวัง ในทุกการจัดกิจกรรมอีเวนท์ใหญ่
ส่วนกรณีการลดขั้นตอนเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องจองโรงแรม 1 คืนเพื่อรอผล RT-PCR โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เรียนรู้วิธีจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น ที่ศึกษามาแล้วว่า สามารถวิเคราะห์ผลได้ใกล้เคียงกับการทำ RT-PCR กว่า 98% และรอผลการตรวจเพียง 30 นาที ค่าใช้จ่ายการตรวจเพียง 50 บาทต่อครั้ง โดยเครื่องนี้ได้นำเข้ามาใช้ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีแล้ว 4 เครื่อง และอาจเป็นแนวทางที่จะพิจารณาใช้ในการรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศต่อไป
นอกจากนี้ ยืนยัน รัฐบาลจะให้สถานบันเทิงกลับมาเปิดบริการอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ในช่วงปีใหม่ อาจจะเป็นหลังจากนั้นเนื่องจากสถานบันเทิงมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค และควบคุมได้ยาก เกรงว่าหากเปิดแล้วประชาชนจะไม่ได้เฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่ เพราะมีบทเรียนที่เกิด ขึ้นจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงมาแล้วหลายครั้ง