วันที่ 22 พ.ย. ที่อาคารรัฐสภา สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติโดยแยกทางกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แน่ แต่เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมที่มีข้อบ่งชี้หลายอย่างว่าอาจไม่ไปด้วยกัน การที่ทั้ง 2 คน อยู่รวมกันหรือแยกจากกันก็มีผลทางการเมืองทั้งสิ้น
" 2 คนนี้มีผลทำให้การเมืองของประเทศผันผวน ซึ่งไม่มีผลกับฝ่ายค้าน แต่มีผลกับฝ่ายรัฐบาลเอง และภาพรวมการเมืองของประเทศ การที่แยกกันเดินอาจทำให้มีการช่วงชิง หักเหลี่ยมกันในรัฐบาล ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้การเมืองไม่ราบเรียบ ประโยชน์ของประชาชนที่จะได้ก็กลับไม่ได้ ทั้ง 2 คนนี้เล่นการเมืองเสียจนแหลกราญ ซึ่งเราคิดว่าถ้าเขาไปด้วยกันได้ดีเรียบร้อย ประชาชนก็จะไม่สับสน" สุทิน กล่าว
พร้อมกันนี้ สุทิน ยังกล่าวถึงการยุบสภา โดยเชื่อว่าการยุบสภาตอนนี้ไม่ง่าย และไม่เร็ว เพราะคนยุบต้องได้เปรียบ ยุบแล้วเลือกแล้วต้องชนะ แต่วันนี้สถานการณ์ตรงกันข้าม นอกจากนี้ งบประมาณปี 2566 ยังเป็นช่วงข้าวใหม่ปลามัน จึงไม่เชื่อว่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้น
ขณะกรณีที่ประชุมวุฒิสภา มีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อศึกษาญัตติทำประชามติถามประชาชนว่าต้องการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นการยื้อเวลา สุทิน มองว่า ตนก็มีความสงสัยอยู่เช่นกัน เรื่องทำประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีการพูดมาโดยตลอด ว่าต้องฟังประชาชน เพราะฉะนั้นแก้แบบไม่ทำประชามติก็ทำมาแล้ว และก็ล้มเหลว
ตอนนี้ตนมองว่าก็ต้องทำประชามติ ซึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด และไม่เป็นภาระประชาชน มองว่าควรทำพร้อมกับการเลือกตั้ง แต่ถ้ามองในแง่บวก การที่ ส.ว. ตั้งกรรมาธิการสามารถทำได้ แต่ ต้องรับผิดชอบเวลาให้ทันต่อเวลา ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นการว่ายื้อเวลา ถ้าทำไปเรื่อยๆ และไม่รับผิดชอบเรื่องเวลา ก็ตั้งข้อสังเกตได้ว่าเป็นการยื้อออกไป
สุทิน กล่าวถึงการประชุมวิปฝ่ายค้านในวันนี้ ว่า ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ จะเป็นการพิจารณาเรื่องกฎหมาย โดยจะมีเรื่อง การเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกและผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งบางฝ่ายเห็นว่าการถอดถอนไม่ใช่อำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาเรื่องการขนส่งทางราง ซึ่งมีข้อเห็นต่างอยู่เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง
ส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ไม่แน่ใจว่าจะเข้าพิจารณาทันหรือไม่ เพราะ 2 ฉบับแรก ใช้เวลาในการพิจารณานาน แต่ถ้าได้เข้าก็ไม่น่าจะพิจารณาไม่จบและคาดว่าน่าจะต้องไปพิจารณาต่อในสัปดาห์หน้า ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพิจารณาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่อจากคาดว่าจะมีผู้อภิปรายจำนวนมาก สำหรับวันที่ 23 พ.ย.นั้น ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่รัฐบาลจะอนุมัติ โดยจะหารือว่าจะให้ความร่วมมือหรือไม่
สำหรับเรื่องการขอให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวในประกาศเกี่ยวกับกัญชาของกระทรวงสาธารณสุขนั้น ตนทราบว่าศาลรับคำร้องแล้วเมื่อวานนี้ และจะต้องเรียกผู้ร้องไปไต่สวน หลังจากนี้เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน เพราะเป็นเรื่องการคุ้มครองชั่วคราว ฝ่ายค้านหวังว่าการออกกฎหมายนี้จะใช้กัญชาอย่างรอบคอบที่สุด ในช่วงที่ยังไม่รู้ว่ากฎหมายจะผ่านหรือไม่ แต่ประกาศของกระทรวงฯได้มีการใช้กัญชาไปแล้ว ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่มีมาตราการอะไรที่ดีพอ ก็ควรให้ศาลฯยกเลิกประกาศของกระทรวงฯออกไปก่อน
"ถ้ามีกฎหมายแล้ว กฎหมายผ่านแล้ว กระทรวงฯก็กลับประกาศใหม่ได้ เราเพียงอยากจะเซฟช่วงเวลาที่เป็นสุญญากาศ " สุทิน กล่าว