วันที่ 8 เม.ย. ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย ‘ปิยะ สีดอกบวบ’ ผู้สมัคร ส.ส. จ.ภูเก็ต เขต 1 และ ‘นวลจันทร์ สามารถคุ้มบ้าน’ ผู้สมัคร ส.ส. จ.ภูเก็ต เขต2 ลงพื้นที่ชุมชนย่านเมืองเก่า และอ่าวปอ โบ๊ทลากูน เพื่อติดตามความพร้อมรับเทศกาลท่องเที่ยว พร้อมพบปะพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน เพื่อพูดคุยและชี้แจงนโยบายของพรรค โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
ธนกร กล่าวว่า การท่องเที่ยวจังภูเก็ตฟื้นตัวเป็นอย่างมาก วันนี้พ่อค้าแม่ค้ายิ้มได้ ค้าขายคึกคัก นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวภูเก็ต จนทำให้ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศมีราคาพุ่งสูงขึ้น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้สั่งการกระทรวงคมนาคมแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ไม่อยากให้กระทบการท่องเที่ยวและประชาชน
ธนกร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ภูเก็ตจะได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างมาก เพราะรายได้พึ่งพาจากการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่วันนี้เศรษฐกิจท่องเที่ยวกลับมาแล้ว เพราะรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แก้ปัญหาอย่างทันท่วงที ได้มีโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นำร่องการการเปิดประเทศ สร้างความเชื่อมั่นทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาอีกครั้ง
ขณะเดียวกันในประเทศก็มีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ประชาชนชื่นชอบ ตอบรับอย่างมาก ลงทะเบียนกันจนเต็มจำนวนในระยะเวลาไม่นาน ดังนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติมีความพร้อมที่จะเข้ามาสานต่อนโยบายด้านการท่องเที่ยวให้โตแบบก้าวกระโดด โดยได้เตรียมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ภาค 2 เอาไว้ ซึ่งจากตัวเลขภาพรวมนักท่องเที่ยวของไทย ปี 2565 มีนักท่องเที่ยว 11 ล้านคน
รวมถึงมีการตั้งเป้าว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยว 27.5 ล้านคน สร้างรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท และนอกไปจากนั้นยังจะสานต่อ การเตรียมการของประเทศไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน Expo 2028 Phuket Thailand อีกด้วย คาดว่าจะสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับประเทศ
ธนกร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม อาทิ แผนพัฒนาแลนด์บริดจ์เชื่อมภาคใต้ เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทางและขนส่ง ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการศึกษาโครงการดังกล่าวมาแล้ว และยังมีอีกหลายโครงการที่จะต้องทำต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตามนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ทั้งสานต่อนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิจำนวน 14.6 ล้านคน เป็นบัตรสวัสดิการพลัสเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาท การปล่อยกู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาท ค่าตอบแทนอสม.2000 บาท กองทุนฉุกเฉินประชาชน 30,000 ล้านบาท
ทั้งหมดอยู่ที่พ่อแม่พี่น้องชาวภูเก็ตแล้วที่จะกำหนดอนาคตเพื่อจะสร้างความมั่งคั่งต่อไปหรือไม่ ขอโอกาสคนภูเก็ตกาให้ทั้งคน ส่วนพรรคในส่วนผู้สมัครบัญชีรายชื่อให้เลือกหมายเลข 22 ให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลับมาสานต่อนโยบายเดิม และเพิ่มเติมนโยบายใหม่ ขอให้เชื่อมั่นและมั่นใจต่อตัวพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะนำมาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศและพร้อมจะทำงานต่อด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต จงรักใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์