พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า การประชุม ศบค.ในวันนี้เป็นการประชุมเต็มคณะ ภายหลังการประกาศขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไป ซึ่งนอกจากการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคแล้ว ต้องคำนึงถึงการปรับตัวเพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
ส่วนวาระการประชุมคาดว่าจะมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโค-19 ที่ล่าสุด มียอดผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง พร้อมประเมินสถานการณ์หลังมีการผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 2 ต่อไป
ทั้งนี้ ยังคาดว่าจะมีการรายงานถึงการจัดเตรียมสถานที่ State Quarantine เพื่อรองรับประชาชนคนไทยที่การเดินทางกลับจากต่างประเทศที่ทยอยเดินทางกลับต่อเนื่องมีหลายพันคน
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. จะมีการแถลงถึงสถานการณ์ประจำวัน ในเวลา 12.30 น.
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันมีความจำเป็นที่จะต้องคงเคอร์ฟิวอยู่เพราะถือเป็นมาตรการหลักภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้ การจะผ่อนปรน หรือจะขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน. หรือไม่ อยู่ที่ข้อเสนอของคณะแพทย์เป็นหลัก
ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่าการที่รัฐบาลได้ภาคเอกชนมาร่วมมือกันยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะถือว่าช่วงนี้ทุกคนต้องเข้ามาช่วยเหลือกัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างมาก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการที่ทุกคนต้องมาช่วยกัน ประคองเศรษฐกิจในประเทศไปให้ได้ โดยเฉพาะการจ้างงาน ให้คนมีงานทำ จะเป็นเรื่องดีที่สุด ส่วนการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยอาจจะตกต่ำนานถึง 9 เดือนนั้น เห็นว่า ไทยควรเตรียมแผนการไว้ดีที่สุด
ขณะที่นายนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 ว่า ได้มอบหมายให้สถาบันวัคซีน ไปหารือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าได้ดำเนินการทำบันทึกข้อตกลง กับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่จีนแล้ว โดยได้มีการศึกษาและทำวิจัยด้วยกัน ส่วนตนเองนั้น ได้เรียกให้ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน มาหารือ โดยเน้นย้ำว่าการทำบันทึกข้อตกลงไทย ไทยจะต้องไม่เสียเปรียบ เรื่องการเข้าถึงวัคซีนอย่างพร้อมกัน และยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนจะมีการเสนอผ่อนปรนเพิ่มบางกิจการในสัปดาห์นี้ หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ กับ ศบค. ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นคนคอยสนับสนุนมาตรการต่างๆ เท่านั้น ทั้งนี้ นายอนุทินยืนยันว่า มีเงินจ่าย อสม.อย่างเต็มจำนวน โดยไม่ต้องกังวลใดๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :