น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลว่า ตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นผู้นำในรัฐบาลเป็นเวลากว่า 10 เดือนนี้ สามารถสกัดกั้นผู้ค้าในประเทศได้เพิ่มขึ้น 51% และตรวจยึดยาบ้าได้เพิ่มขึ้น 106% เพราะรัฐบาลประกาศให้ยาเสพติดเป็นเป็นวาระแห่งชาติ ดำเนิน 3 มาตรการสำคัญอย่างแข็งขัน ได้แก่ การปิดชายแดน (Seal Border) สกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ลักลอบนำเข้าประเทศ การยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด และการเผาทำลายยาเสพติดของกลางเพื่อป้องกันการนำออกจำหน่ายหมุนเวียน
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า มากไปกว่านั้น ที่ประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 2 ยังย้ำมาตรการเข้ม 3 เดือน คือ เร่งรัดการตรวจปัสสาวะทุกคนในชุมชน เพื่อค้นหาผู้เสพ ส่งไปบำบัด และเพื่อขยายผลหาผู้ค้า ผู้ผลิต และเร่งรัดการบำบัด รักษาผู้เสพ ให้ฟื้นกลับสู่ชุมชน โดยชุมชนและครอบครัวปลอดภัยไร้กังวล ตลอดจนกำหนดเป้าหมายนำร่อง 25 จังหวัด ชัดเจนใน 3 เดือน ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีที่ได้ต้นแบบจาก จ.ร้อยเอ็ด และ จ.น่าน
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด นายกฯ เศรษฐา ยังเดินทางด่วนมาที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อจัดการปัญหายาเสพติด หลังจากมีการตรวจพบการลักลอบขนส่งสารโทลูอีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดหลายชนิด จำนวนกว่า 90 ตัน ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีปลายทางเป็นประเทศที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด การยึดสารครั้งนี้ช่วยป้องกันการผลิตยาเสพติดมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ตลอดจนมีการจับยาบ้าที่จังหวัดเชียงรายได้อีก 3 ล้านเม็ด
“ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี และมาตรการเข้มข้น ตั้งแต่แรกเริ่มเข้ามาบริหารประเทศ คือ 10 เดือนของการปราบปรามยาเสพติดภายใต้รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ที่ไม่ต้องรอให้เสียเปล่า แต่ทยอยเห็นผลต่อเนื่อง ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัด เพื่อคืนสังคมปลอดภัยให้กับลูกหลาน ตามที่ สส. พรรคเพื่อไทยรับทราบเสียงจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จึงขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้รัฐบาลมุ่งมั่นทำหน้าที่โดยมีหัวใจเป็นประชาชนต่อไป”น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว