The Sydney Morning Herald เปิดสกู๊ปของเขาโดยระบุว่า ผู้นิยมศาลเตี้ยชาวไทยคนหนึ่ง ซึ่งมีผู้ติดตามคอยขู่ฆ่าและขู่ข่มขืนผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์และครอบครัวของผู้ลี้ภัย ทำการขับไล่ผู้เห็นต่างให้ต้องลี้ภัย ซึ่งในเนื้อความมีการระบุถึงชื่อเหรียญทองที่ออกมาเปิดเผยว่า เขาจะเดินทางมาใช้ชีวิตบั้นปลายในออสเตรเลีย
อย่างไรก็ดี เหยื่อและนักเคลื่อนไหวกำลังยื่นคำร้องต่อรัฐบาลออสเตรเลียให้ปฏิเสธไม่ให้เหรียญทองสามารถใช้ชีวิตวัยเกษียณในเมืองเพิร์ท โดยอ้างว่าเหรียญทองไม่เหมาะสมและเหมาะควรที่จะเดินทางมาใช้ชีวิตในออสเตรเลีย กลุ่มผู้ร้องเรียนกล่าวว่า เหรียญทองมีส่วนร่วมและสนับสนุนด้วยการใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง และสนับสนุนการไล่ล่าผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ทั่วประเทศไทยและต่างประเทศ “ไม่ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร”
The Sydney Morning Herald เล่าถึงประวัติของเหรียญทองว่า เขาเป็นแพทย์และอดีตนพลใหญ่ในกองทัพไทย ซึ่งบริหารโรงพยาบาลของครอบครัวในกรุงเทพฯ และเป็นผู้ก่อตั้ง “องค์กรเก็บขยะ” ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการรัฐประหารในเดือน พ.ค. 2557 เพื่อมุ่งเป้าไปไล่ล่าผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ทั้งนี้ เหรียญทองใช้เฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก เพื่อเล็งเป้าบุคคลที่เป็น “ขยะ” ในฐานะศัตรูของสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเหรียญทองให้เหตุผลว่าจำเป็นจะต้องถูกกวาดล้างและกำจัดออกไป ทั้งนี้ ผู้ติดตามหลายพันคนของเหรียญทองจะโจมตีเป้าหมายทั้งทางออนไลน์และต่อหน้า และดำเนินการฟ้องร้องภายใต้กฎหมายหมิ่นประมาทสถาบันกษัติรย์ที่มีโทษรุนแรงของประเทศไทย
เหยื่อของเหรียญทองรายหนึ่งอย่าง กฤตนัย เทพสาย หรือที่มีชื่อเล่นว่าแจ็ก ซึ่งตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในเมืองจีลองของออสเตรเลีย กล่าวกับ The Sydney Morning Herald ว่า การโจมตีโดยกลุ่มของเหรียญทองทำให้เขาต้องลี้ภัยในออสเตรเลีย กองทัพออนไลน์ของกลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ถูกระดมมาต่อต้านเขาในปี 2557 หลังจากที่เขาวิจารณ์อดีตพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ก่อน
กฤตนัยระบุกับ The Sydney Morning Herald ว่า เหรียญทองโพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเขา และเขาถูกขู่ฆ่าและแจ้งเตือนว่าจะมีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปในบ้านของเขาที่เชียงใหม่ และข่มขืนลูกสาววัย 16 ปีของเขา กฤตนัยยังถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับคดีวางระเบิด และเขากลัวว่าเขาจะถูกลักพาตัวและอาจเสียชีวิตได้หากเขาเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย โดยกฤตนัยระบุกับสื่อออสเตรเลียว่า “ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า เหรียญทองจะได้วีซ่าออสเตรเลีย”
หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สืบเนื่องจากการที่เหรียญทองออกมาเปิดเผยว่า เขาจะเดินทางไปใช้ชีวิตบั้นปลายในออสเตรเลีย เหรียญทองในวัย 63 ปีระบุว่า พ่อของเขาซื้อบ้านหลังหนึ่งในเมืองเพิร์ทเมื่อปี 2535 และเขาจะแบ่งเวลาระหว่างที่นั่นกับกรุงเทพฯ ในวัยเกษียณ เขากล่าวว่าการเกษียณอายุนอกประเทศไทยนั้นไม่ใช่การหนีออกไปจากแผ่นดินเกิด “ดังนั้นการที่ผมจะใช้ชีวิตตาแป๊ะที่เมืองเพิร์ธนั้น ไม่ได้หมายความว่าผม 'ชังชาติ' เหมือนพวกควายแดงส้มสามกีบที่รังเกียจประเทศชาติของตัวเองจนต้องหนีคดี หนีคุก ย้ายถิ้นฐาน อพยพออกนอกราชอาณาจักรไทยนะครับ”
“ผมไม่ได้อพยพย้ายถิ่นฐาน หนีคดี ลี้ภัย หนีคุก เหมือนควายแดงส้มสามกีบนะครับ ผมแค่พาครอบครัวไปทำความสะอาดบ้านของพ่อแม่ ไม่ให้บ้านเสื่อมโทรม ไปดูแลต้นกุหลาบให้แม่ ไปซื้อกุ้งมังกร(Lobster]มากินกับน้ำปลาซอยพริกมะนาวต่างหากโว้ย” เหรียญทองระบุบนโพสต์เฟซบุ๊กของเขา ก่อนย้ำว่า “ที่สำคัญเมื่อชาติราชบัลลังมีภัย ผมก็กลับมาปกป้องชาติราชบัลลัง มันคนละเรื่องกับไอ้พวกควายแดงส้มสามกีบลี้ภัยหนีคุกนะโว้ย!”
เหรียญทองยังระบุบนโพสต์เฟซบุ๊กของเขา ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 162,000 คน ว่า “เผด็จการอย่างผม รัฐบาลออสเตรเลียยินดีต้อนรับนะจ๊ะ” ทั้งนี้ สำนักข่าว The Sydney Morning Herald และ The Age ติดต่อหาเหรีญทองผ่านทางโทรศัพท์ แต่ถูกปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยเหรียญทองระบุว่า การที่มีข้อมูลว่าเขาจะย้ายไปอยู่ออสเตรเลียนั้นเป็น “ข่าวปลอม”
เหรียญทองยังเขียนบนเฟซบุ๊กอ้างว่า มีเครือข่ายระหว่างประเทศติดตามตัวเขาและขัดขวางไม่ให้เขาเดินทางไปออสเตรเลีย ยุโรป และสหรัฐฯ และรัฐบาลออสเตรเลียไม่ควรเชื่อสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านั้นพูดถึงเขา ทั้งนี้ ผู้คัดค้านและผู้ถูกเนรเทศชาวไทยในต่างประเทศจำนวนมาก ต่างพร้อมใจกันโจมตีแผนการย้ายมายังออสเตรเลียของเหรียญทอง
แนวร่วมห่างๆ ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวไทยในยุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลียได้เขียนจดหมายถึง แองเจลา แมคโดนัลด์ส ทูตออสเตรเลียประจำกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้มีการพิจารณาสถานะการเดินทางเข้าออสเตรเลียของเหรียญทองอีกครั้ง “การใช้สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเต็มไปด้วยคำพูดแสดงความเกลียดชังและการลดทอนความเป็นมนุษย์ของผู้ที่มีค่านิยมที่แตกต่างกับเขา” จดหมายระบุ “การกระทำของเขาเป็นการก่อให้เกิดความแยก เลือกปฏิบัติ และต่อต้านค่านิยมของออสเตรเลียอย่างชัดเจน”
The Sydney Morning Herald ระบุว่า แอนดรูว์ ไจลส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงตรวจคนเข้าเมือง มีอำนาจเข้าแทรกแซงเรื่องดังกล่าว หากคำร้องต่างๆ ถูกส่งขึ้นให้ศาลพิจารณา อย่างไรก็ดี โฆษกประจำรัฐมนตรีกล่าวว่าไจลส์ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวได้ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว
The Sydney Morning Herald กล่าวถึง ม.112 และผู้ถูกกล่าวหาจากความผิดในกฎหมายอาญามาตราดังกล่าวพร้อมชี้ว่า มีชาวไทยหลายร้อยคนที่ต้องหนีออกนอกประเทศ ภายหลังจากการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 นอกจากนี้ มีผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์อย่างน้อย 9 ราย ที่ถูกบังคับให้สูญหายในลาวและกัมพูชา บางรายถูกพบเป็นศพถูกฆ่าคว้านท้องและถ่วงด้วยแท่งคอนกรีตบริเวณแม่น้ำโขง อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยปฏิเสธความเกี่ยวของต่อเหตุดังกล่าว
The Sydney Morning Herald สัมภาษณ์ พิศาล ธนถาวรลาภ อดีตครูสอนยิมนาสติกในกรุงเทพฯ เดินทางออกจากประเทศไทยไปซิดนีย์ หลังจากที่เขาถูกกล่าวหาถึงเนื้อหาโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อนปี 2557
พิศาลกล่าวว่าความคิดเห็นของเขาเป็นการเสียดสีและเชิงเปรียบเทียบทั่วไป และไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์โดยตรง แต่หลังจากที่เหรียญทองโพสต์หมายเลขโทรศัพท์ของเขาทางออนไลน์ เขาถูกโจมตีด้วยการโทรข่มขู่ จนก่อให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและมีปัญหาด้านสุขภาพจิต พิศาลตัดสินใจไปบวชที่วัดแห่งหนึ่ง แต่หลังจากถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เขาจึงย้ายไปออสเตรเลียเพราะเกรงว่าจะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ
“ถ้าเหรียญทองไม่โพสต์ก็คงไม่มีผลกระทบมากขนาดนั้น เพราะมันคือเหรียญทอง คนแปลกหน้า แค่เข้ามาด่าผมทางเฟซบุ๊ก ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง” พิศาล ซึ่งใช้ชื่อเล่นว่าแม็กซ์ในซิดนีย์กล่าวกับ The Sydney Morning Herald ทั้งนี้ พิศาลกล่าวถึงเหรีญทองว่าเป็น “พวกหัวรุนแรง” และตั้งคำถามว่าเหรียญทองได้รับอนุญาตให้เดินทางมาเยือนหรือพำนักในออสเตรเลียได้อย่างไร
“ใครจะรับประกันได้ว่าเหรียญทองในประเทศนี้ (ออสเตรเลีย) จะไม่ทำแบบนี้อีก ใครจะแน่ใจได้ว่าเขาจะไม่พยายามปราบปรามผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย” พิศาลระบุ “ในเมื่อเขาเป็นคนผลักให้คนออกนอกประเทศ ทำไมเขาถึงไม่อยู่ในประเทศล่ะ? คุณไม่ควรมาที่นี่ คุณควรอยู่ในประเทศไทย”
The Sydney Morning Herald ระบุว่า เหรียญทองเรียกตัวเองว่าเป็น แวน เฮลซิง ตัวละครสมมติที่เป็นแพทย์ ก่อนผันตัวมาเป็นนักล่าแวมไพร์ และเหรียญทองยังเคยระบุกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า เขาเห็นตัวเองเป็น “คนกวาดฝุ่นบนพื้น” โดยในบทความภาษาอังกฤษที่แปลมาจากภาษาไทย The Sydney Morning Herald ระบุว่า เหรียญทองระบุว่า “เมื่อกวาดครั้งแรกฝุ่นจะปลิวไปทั่ว แต่เมื่อฝุ่นจับเป็นกองเดียวกันแล้วพื้นก็จะดูสะอาดขึ้น”
The Sydney Morning Herald เปิดเผยเนื้อหาที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ถึงการให้สัมภาษณ์ของเหรีญทองในปี 2557 ที่เขาเคยพูดไว้ว่า “สถาบันกษัตริย์ไม่ใช่สถาบันทางการเมือง แต่ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันได้ดึงสถาบันกษัตริย์เข้าสู่การต่อสู้ ประเทศไทยจำเป็นต้องให้สถาบันกษัตริย์ดำรงอยู่ได้ มิฉะนั้นคนจะฆ่ากันเพื่ออำนาจ สถาบันกษัตริย์คือศูนย์กลางแห่งความหวัง และเราต้องการสิ่งนั้นเพื่อที่จะก้าวต่อไป”
หนึ่งในเป้าหมายของการโจมตีทางออนไลน์ของเหรียญทองอย่าง สมศักดิ์ ราชโส ระบุว่า กลุ่มศาลเตี้ยโจมตีเขาแบบล้ำเส้นข้ามพรมแดน จนทำให้เขาถูกบังคับให้ออกจากงานในซิดนีย์ เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงขึ้นในปี 2559 หลังจากการสวรรคตของพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ก่อน ทั้งนี้ สำนักข่าว ABC รายงานในเวลานั้นว่า อดีตเจ้านายของสมศักดิ์มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้า หลังจากที่เหรียญทองโพสต์ว่า “คนไทยที่นั่น (ในออสเตรเลีย) อย่าคบค้าสมาคม อย่าให้เขาหรือครอบครัวมีงานทำ”
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการชาวไทยและผู้ลี้ภัยในญี่ปุ่น จากการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ไทย เป็นหนึ่งในผู้ที่เขียนจดหมายถึงสถานทูตออสเตรเลียในกรุงเทพฯ เกี่ยวกับประเด็นการเดินทางมาใช้ชีวิตเกษียณของเหรียญทองในออสเตรเลีย โดยปวินกล่าวว่า “หลายชีวิตได้รับผลกระทบจากการกระทำคลั่งเจ้าของเขา”
“มันมีรายการยาวเหยียด เมื่อพูดถึงพฤติกรรมฟาสซิสต์ของเหรียญทอง ซึ่งใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม” ปวินระบุ “พฤติกรรมของเขาจะไม่ได้รับการยอมรับในประเทศประชาธิปไตยที่แท้จริงใดๆ ในโลก ซึ่งรวมถึงออสเตรเลียด้วย”
รายงานนี้แปลเป็นภาษาไทยจากสกู๊ปต้นฉบับภาษาอังกฤษของ The Sydney Morning Herald
อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ทาง: https://www.smh.com.au/world/asia/a-ruthless-thai-vigilante-wants-to-retire-in-australia-victims-who-fled-here-say-he-must-be-stopped-20221204-p5c3fk.html?fbclid=IwAR24ekuS6a_FXK1XrtKmg_hSAUE0M169oSdOskvD4tclPlYq3t-e1pwHQ8I