หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ และจีน หารือกันเพื่อสร้างหลักประกันที่มั่นคงระยาวในประเด็นของสองชาติ ผ่านการเปิดเจรจาแบบทวิภาคี เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาราบรื่น และสร้างความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันอีกครั้ง
ท่าทีของ รมว.ต่างประเทศจีนมีขึ้นระหว่างการหารือผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ร่วมกับคณะกรรมการของสภาธุรกิจสหรัฐ - จีน (USCBC) ว่า "เราจำเป็นต้องพยายามเริ่มการสนทนาใหม่อีกครั้ง กลับมาให้ถูกทางและสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันในระยะยาวต่อไปในความสัมพันธ์ของจีน-สหรัฐฯ"
หวังยังกล่าวว่า ในฐานะชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและเป็นสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทั้งจีนและสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ร่วมกันในหลายด้าน รวมถึงมีความร่วมมือกันในหลายประเด็น ดังนั้น ทั้งสองชาติควรเป็นโต๊ะเจรจา และสานต่อความร่วมมือเพื่อสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองให้กับมนุษยชาติ
"ภารกิจเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คือการที่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อขจัดอุปสรรคทุกประเภท เพื่อให้ความสัมพันธ์จีน - สหรัฐฯ ราบรื่น"
"ความคิดของสงครามเย็นที่ล้าสมัยและอคติทางอุดมการณ์ของบางคนในสหรัฐฯ เป็นสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของสองชาติเสื่อมลง"
รมว.ต่างประเทศจีนยังได้ผลักดัน 5 ข้อเสนอที่จะสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะะยาวของสองชาติ 1. การเข้าใจจีนในเชิงกลยุทธ์อย่างถูกต้อง 2. เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการสื่อสารและเจรจา 3. ขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย 4. จัดการข้อพิพาทและความขัดแย้ง และ 5. เพิ่มการสนับสนุนต่อความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดนนั้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่า นโยบายต่อจีนอาจไม่เข้มงวดในประเด็นด้านการค้าเหมือนยุคทรัมป์ แต่สหรัฐฯ จะใช้ประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนในซินเจียง หรือความมั่นคงในฮ่องกง รวมถึงประเด็นที่จีนพยายามแผ่ขยายอิทธิพลในทะเลจีนใต้ มาใช้กดดันรัฐบาลปักกิ่งแทน
โดยที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ เสื่อมถอยลงอย่างมากจากมาตรการสงครามการค้า รวมถึงสงครามเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ พยายามปิดกั้นการเข้าถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในอุตสาหกรรมไฮเทคจีน
ที่มา : SCMP