ไม่พบผลการค้นหา
‘ณธีภัสร์’ เข้ารายงานตัวที่ สน.ลุมพินี เหตุขึ้นเวทีปราศรัยม็อบสมรสเท่าเทียม ย้ำเจตจำนงบริสุทธิ์ ทวงสิทธิเพื่อชาว LGBTQ+

วันที่ 13 พ.ค. 2565 ที่ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมทนายความ เข้ารายงานตัวต่อ พ.ต.ต.สุทวัฒน์ ศรีพรวรรณ์ สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาหลังร่วมปราศรัยในการชุมนุม ‘ม็อบสมรสเท่าเทียม’ ที่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2564 ก่อนจะมีผู้ถูกออกหมายเรียกในคดีดังกล่าว รวม 20 คน โดยมี ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ติดตามมาร่วมให้กำลังใจ

50166.jpg

ณธีภัสร์ กล่าวว่า ตนเข้ารายงานตัวหลังจากที่ได้เข้าปราศรัยในม็อบสมรสเท่าเทียม เพื่อล่ารายชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 รวมทั้งผลักดันร่างกฏหมายสมรสเท่าเทียม วันนี้จึงมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และแสดงเจตจำนงว่าจะไม่หลบหนี ยืนยันจะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมร่วมกับผู้ชุมนุมอีก 19 คนที่ถูกแจ้งข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการร่วมชุมนุมดังกล่าว ซึ่งเพียงเพราะกลุ่มของตนต้องการเรียกร้องสิทธิทางให้กับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ เพื่อให้มีสิทธิในการสร้างครอบครัวและได้การสมรสอย่างที่ควรจะได้ 

“บางคนที่ออกมาเรียกร้องนั้น โดนหมายไปหลายคดี แต่พวกเขาก็ยังยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ลดละ ในเมื่อประชาชนต่อสู้มาขนาดนี้แล้ว ผมก็หวังว่า เมื่อ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม กลับเข้ามาสู่สภาในสมัยหน้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชาชนไว้วางใจให้เป็นตัวแทน เป็นปากเสียงของพวกเขา จะช่วยกันผลักดันให้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ผ่านเข้าสู่สภาให้สำเร็จ” 

50200.jpg

ด้าน ธัญวัจน์ ระบุว่า ทางพรรคก้าวไกล ไม่ได้เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อยู่แล้ว และการปราศรัยของ ณธีภัสร์ ก็เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำได้อยู่แล้วในฐานะ ส.ส. โดยไม่ใช่สิ่งที่ผิด วันนี้จึงเดินทางมาเพื่อเป็นกำลังใจ นอกจากนี้ ยังเป็นการออกหมายเรียกระหว่างสมัยเปิดประชุมสภาฯ จึงมองได้ว่าเป็นการใช้กฏหมายที่ไม่เป็นธรรม

สำหรับข้อหาในหมายเรียกครั้งนี้ประกอบด้วย ข้อกำหนดตามความมาตรา 9 แห่งการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปี 2548 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.บ.จราจร โดยผู้ร่วมชุมนุมทุกรายปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าการชุมนุมเป็นการแสดงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี จะทำการสรุปสำนวนเพื่อส่งให้กับทางอัยการพิจราณาดูว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่