รัฐบาลอิสราเอลและกลุ่มฮามาส กลุ่มเคลื่อนไหวติดอาวุธในปาเลสไตน์ บรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกันแล้ว หลังสองฝ่ายมีการปะทะด้วยอาวุธหนักและจรวดตอบโต้กันไปมาต่อเนื่องยาวนานถึง 11 วัน โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 02.00 น. ของ 21 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่นเป็นต้นไป
ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวเป็นข้อเสนอจากอียิปต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบและจะปฏิบัติร่วมกันโดยปราศจากเงื่อนไข โดยอียิปต์จะทำหน้าที่เป็นคนกลาง ส่งคณะผู้แทนเจรจาด้านความมั่นคงไปยังอิสราเอลและฉนวนกาซาเพื่อช่วยประสานงานการหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย
สำหรับเหตุการต่อสู้ขัดแย้งกันไปมา ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์เป็นเวลา 11 วันนั้น ได้สร้างความสูญเสียแก่ทั้งสองฝ่าย มีพลเมืองชาวปาเลสไตน์รวมถึงนักรบกลุ่มฮามาสกว่า 230 คนเสียชีวิต จำนวนนี้เป็นเด็ก 39 คน และได้รับบาดเจ็บเกือบ 2,000 คน
ขณะจรวดของฝ่ายฮามาสซึ่งยิงโจมตีอิสราเอล แม้ส่วนใหญ่ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศ หรือไอรอนโดม (Iron Dome) ของอิสราเอลยิงสกัดไว้ได้ แต่ก็มีบางส่วนพลาดและตกลงมาสร้างความเสียหายแก่ฝ่ายอิสราเอล พลเมืองชาวยิวเสียชีวิต 12 ราย จำนวนนี้เป็นเด็ก 2 คน ในผู้เสียชีวิตฝั่งอิสราเอลรวมถึงแรงงานไทย 2 คนด้วย
หลังมีการเปิดเผยข้อตกลงหยุดยิง ทางกลุ่มฮามาสได้อ้างว่านี่ถือเป็นชัยชนะของชาวปาเลสไตน์ และเป็นความพ่ายแพ้ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ขณะที่รัฐบาลอิสราเอลยืนยันว่าจะทำตามข้อตกลงหยุดยิงและว่าเป็นชัยชนะของฝ่ายตนเช่นกัน เช่นเดียวกับในความขัดแย้งที่ผ่านมาสองทั้งฝ่าย นับตั้งแต่ฮามาสเข้ายึดครองฉนวนกาซาในปี 2550 ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างชัยชนะ ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นท่ามกลางความกังวลของนานาชาติ ที่หวั่นว่าความขัดแย้งดังกล่าวจะทวีความรุนแรงเป็นสงครามยื้ดเยื้อ ส่งผลให้ทั้งฝ่ายอียิปต์และสหรัฐฯ ต้องออกมากดดันอย่างหนัก
สำหรับสถานการณ์รุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปีระหว่างทั้งสองฝ่าย เริ่มต้นเมื่อ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มฮามาสระดมยิงจรวดข้ามเขตแดนจากฉนวนกาซา พุ่งเป้าโจมตีหลายเมืองในอิสราเอล อันเป็นผลจากความไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายอิสราเอลกระทำต่อชาวมุสลิมปาเลสไตน์ที่เข้าไปปฏิบัติศาสนกิจบริเวณมัสยิดอัล-อักซอ ในเขตเนินพระวิหาร ประกอบกับกรณีข้อพิพาทยืดเยื้อ ที่อิสราเอลต้องการขับไล่ชาวปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งออกจากเขตชีค จาร์ราห์ ในนครเยรูซาเลมด้วย เป็นเหตุให้ต่อมารัฐบาลเทลอาวีฟ ตอบโต้ด้วยการยิงจรวดต่อกลุ่มฮามาสอย่างดุเดือด โดยเฉพาะบริเวณฉนวนกาซาอันเป็นเขตซึ่งฮามาสทรงอิทธิพล
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวแสดงความยินดีต่อการบรรลุข้อตกลงนี้ และว่าถือเป็นโอกาสของความก้าวหน้าที่จะนำไปสู่การยุติข้อขัดแย้งครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ เคยแสดงความคิดเห็นว่าอิสราเอลมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะป้องกันตนเอง และยืนยันว่า รัฐบาลวอชิงตันจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับสหประชาชาติ เพื่อการมอบความช่วยเหลือแก่ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ปิดล้อม ทั้งนี้ หลังมีข่าวการตกลงหยุดยิง ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากการโจมตี ต่างออกมาสวมกอดและโห่ร้องแสดงความยินดีกันเต็มท้องถนนในช่วงคืนที่ผ่านมา