นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงตัวแทนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่แถลงดข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของ คสช.ว่า การที่สมาชิกพรรคของพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของรัฐบาลและ คสช. นั้น ถือเป็นเรื่องของการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามปกติที่รัฐธรรมนูญได้รับรองและคุ้มครองไว้ เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นหน้าที่สำคัญทางการเมืองในฐานะตัวแทนของประชาชน ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและ คสช. เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่มีการกระทำใด ที่จะเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนประกาศ คสช. หรือคำสั่งหัวหน้า คสช.
"ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 4 ปี แกนนำที่เป็นสมาชิกของพรรคก็ได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และ คสช. มาตลอด แต่พรรคก็ไม่เคยจัดให้มีการประชุมหรือทำกิจกรรมทางการเมืองใดที่จะเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามของ คสช. แม้จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำของพรรค แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังคงทำหน้าที่ตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและ คสช. ต่อไป เช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่กระทำตามหน้าที่ของตนในลักษณะเดียวกัน" นายภูมิธรรม ระบุ
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ตนเองไม่รู้สึกหนักใจเพราะถือว่าการดำเนินการของตนและสมาชิกพรรคเป็นการทำหน้าที่ของประชาชนคนหนึ่ง ขณะเดียวกันพรรคการเมืองก็ถือเป็นตัวแทนของประชาชนที่มีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของชาติและของประชาชน เมื่อ คสช.และรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน เมื่อทำงานไม่ดีและก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศก็ย่อมต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องธรรมดา
นายชูศักดิ์ ระบุว่า การแถลงเพื่อแสดงความคิดเห็นต่อสื่อมวลชนเป็นการทำโดยเจตนาสุจริต ไม่ถือว่าเป็นการมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองที่จะเป็นการขัดต่อคำสั่งหรือประกาศของ คสช. แต่อย่างใด และไม่ใช่เป็นการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน หรือการยุยงปลุกปั่นประชาชน อันจะเป็นความผิดตามมาตรา 116 และมิใช่เป็นการนำข้อความอันเป็นเท็จมากล่าวที่จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ตามที่ตัวแทน คสช. กล่าวอ้าง ก็ย่อมไม่มีการกระทำที่ขัดคำสั่ง คสช. หรือผิดกฎหมายอาญา ซึ่งตนเองจะรอพนักงานสอบสวนว่าจะมีการตั้งข้อหาอะไรบ้าง หากเห็นว่ามีการตั้งข้อหาที่รุนแรงเกินจริงก็คงจะต้องใช้สิทธิทางกฎหมายในการดำเนินคดีกลับเพื่อปกป้องสิทธิของตนเช่นกัน
เปิด 8 แกนนำเพื่อไทย คสช.ฟ้องกองปราบฯ
สำหรับรายชื่อที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ถูกแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามนั้น มีจำนวน 8 คน ประกอบด้วย 1.นายวัฒนา เมืองสุข 2.นายจาตุรนต์ ฉายแสง 3.นายชูศักดิ์ ศิรินิล 4.นายนพดล ปัทมะ 5.นายชัยเกษม นิติสิริ 6.นายภูมิธรรม เวชยชัย 7.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และ 8.พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ในความผิดร่วมกันชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยทั้งหมดมีพฤติการณ์คือ นายวัฒนา กับพวก ได้ร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยจัดให้มีการแถลงข่าวหัวข้อ "4ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาลและคสช.นำไปสู่ความมืดมนและอันตราย"
โดยเนื้อหาการแถลงข่าวที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งมีเนื้อหาการแถลงข่าวมีลักษณะเป็นการกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
แอดมินเพจและหรือผู้ที่รับผิดชอบบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ Pheu Thai Party ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตระหนกแก่ประชาชน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และข้อหาร่วมกันมั่วสุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยเป็นการชุมนุมโดยไม่รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย อันเป็นความผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ลงวันที่ 1 เม.ย. 2558 ข้อ 12
โฆษก คสช. ไม่หวั่นบานปลาย ยันทำตามพยานหลักฐาน
ขณะที่ พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่มพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ทีมโฆษก คสช.ระบุว่า ฝ่ายกฎหมาย คสช.ได้ดำเนินการตามหน้าที่ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะผิดคำสั่ง สช. และกฎหมาย ส่วนตัวไม่คิดว่าการฟ้องครั้งนี้จะทำให้บานปลาย เพราะ คสช.ใช้กฎหมายดำเนินการตามพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง คือรักษาให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย หากมีการยุยงปลุกปั่นหรือมีการกระทำใดที่ขัดคำสั่ง คสช.ก็ต้องดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง