พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน สามารถใช้สิทธิชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าได้อีก 1 ครั้งต่่อเดือน กรณีที่จำนวนเงินในบัตรยังเหลืออยู่ จากเดิมที่มีข้อกำหนดว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีจำนวน 500 บาทต่อเดือน ซึ่งต่อมาพบว่ามีประชาชนที่ชำระค่าโดยสารแล้วยังมีเงินเหลืออยู่ภายในบัตร แต่ไม่สามารถชำระค่าเดินทางได้อีกและต้องรอในเดือนถัดไป
ดังนั้น ครม.จึงเห็นชอบว่าตราบใดที่ยังมีเงินในบัตรเหลืออยู่ ผู้มีบัตรจะสามารถชำระค่าโดยสารได้อีก 1 ครั้งต่อเดือน โดยจำนวนเงินส่วนที่เกินไปจาก 500 บาทนั้นให้นำไปตัดจากวงเงินในบัตรของเดือนต่อไป
โดยครม. ได้พิจารณาแนวทางการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าตามที่กระทรวงการคลังเสนอ พร้อมกับมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 (เรื่อง ประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ข้อ 1 จากเดิม ระบุว่า "1. ...(3) วงเงินค่าโดยสารรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบบ e-Ticket/รถไฟฟ้า จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน (4) วงเงินค่าโดยสารรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ (5) วงเงินค่าโดยสารรถไฟ จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน"
เป็นระบุใหม่ว่า "1. ... (3) วงเงินค่าโดยสารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบบ e-Ticket/รถไฟฟ้า จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน และอนุญาตให้จ่ายเงินชำระค่าโดยสารได้เกินวงเงิน 500 บาท 1 ครั้งต่อเดือน โดยวงเงินที่เกินจะนำไปหักจากวงเงินในเดือนถัดไป (4) วงเงินค่าโดยสารรถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ (5) วงเงินค่าโดยสารรถไฟ จำนวน 500 บาท ต่อคนต่อเดือนเหมือนเดิม"
นายกฯ สั่งใช้กฎหมายเอาผิดร้านธงฟ้าประชารัฐทำผิดเงื่อนไข
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาต หรือ คสช. ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหามาตรการเพิ่มเติม หรืออาจดำเนินคดีทางกฎหมายกับบรรดาเจ้าของร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่เข้าร่วมโครงการการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนกับรัฐบาล ที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ แวตร้อยละ 7 กับบรรดาผู้มีรายได้น้อยที่นำบัตรคนจนไปรูดซื้อสินค้า นอกเหนือจากการเพิกถอนการจดทะเบียนและการยึดเครื่องรูดบัตรหรืออีดีซีคืนเท่านั้น
โดยนายกรัฐมนตรีฝากเตือนเจ้าของร้านธงฟ้าให้ช่วยรัฐบาลดูแลผู้มีรายได้น้อยและให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีทุก 3 เดือน
"ปัญหานี้นายกฯ ถือว่าเป็นปัญหาที่ซีเรียส เพราะเป็นเรื่องของความไม่ซื่อสัตย์ของผู้เข้าร่วมโครงการและทำให้นโยบายดี ๆ ของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยกลับถูกมองเป็นเรื่องไม่ดี ซึ่งต้องมีการดำเนินคดี เพราะถือว่าเป็นการฉ้อโกงโดยเจตนา ซึ่งนายกฯ ได้ย้ำเตือนไปยังผู้ประกอบการร้านค้าให้ดำเนินการให้ถูกต้องด้วย หลังจากที่ได้รับฟังคำชี้แจงจากกระทรวงพาณิชย์ว่าหากร้านค้าทำผิดเงื่อนไขก็จะเพิกถอนการเป็นร้านค้าธงฟ้าและยึดเครื่องอีดีซีคืนเท่านั้น" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
คลังรายงานมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.06 ล้านคน ติดตั้งเครื่องรูดบัตร 30,460 จุด
ในวันนี้ (17 ก.ค.) กระทรวงการคลังยังได้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 – 11 มิ.ย. 2561 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบ ว่า ขณะนี้มีผู้มีสิทธิมารับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วจำนวน 11.06 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 96 จากจำนวนผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด 11.47 ล้านราย พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ณ จุดจำหน่ายสินค้าแล้วจำนวน 30,460 เครื่อง จากเป้าหมาย 45,655 เครื่อง เหลืออีก 15,195 เครื่อง ที่ยังไม่ดำเนินการติดตั้ง
ที่ประชุม ครม.จึงมีมติให้ร้านค้าที่ยังไม่ได้ติดตั้งเครื่อง EDC ให้ดำเนินการโหลดแอปพลิเคชันที่ธนาคารกรุงไทย เพื่อให้สามารถอ่านรหัสบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการชำระค่าสินค้าได้ ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ดำเนินการจ่ายเงินให้กับร้านค้าที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแล้วเป็นเงินกว่า 30,700 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :