การดีเบตแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน ระหว่างหมายเลข 1 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, หมายเลข 2 นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. จังหวัดพิษณุโลก, และหมายเลข 3 นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรค โดยมีแกนนำพรรค อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรคมาร่วมรับฟัง และให้กำลังใจผู้สมัครทั้ง 3 คนอย่างล้นหลาม ทั้งบริเวณสนามหญ้าหน้าที่ทำการพรรค และลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งมีจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ถ่ายทอดสดให้ชม
การดีเบตจะให้ผู้สมัครตอบคำถาม 9 คำถามที่ส่งมาจากประชาชนทางโซเชียลมีเดียของพรรค และถามโดยตัวแทนสื่อมวลชน คือ นายกิตติ สิงหาปัตย์ และนาย ณ กาฬ เลาหะวิไลย โดยมีเวลาตอบคำถาม คำถามละ 90 วินาที
โดยคำถามที่น่าสนใจ ได้แก่ “ในช่วงเวลาที่การเมืองมี 2 กลุ่ม คือ สนับสนุนรัฐบาล คสช. และไม่สนับสนุน ตนในฐานะหัวหน้าพรรคจะวางตำแหน่งของพรรคอยู่ในฝ่ายใด?”
นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธโจทย์ โดยให้เหตุผลว่า ตนจะไม่เลือกแค่เผด็จการ หรือคนขี้โกง แต่เราจะหยิบยื่นเสรีนิยมประชาธิปไตยให้ประชาชน ถ้าพรรคไม่ได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล จะร่วมมือกับฝ่ายใดขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคที่ไม่ขัดแย้งกัน ถ้าแก้ปัญหาประชาชนและทำตามนโยบายพรรคได้ ก็จะทำงานกับพรรคนั้นได้
ด้าน นพ.วรงค์ ตอบในลักษณะเดียวกัน คือ ไม่เลือกซ้ายหรือขวา แต่เน้นการต่อต้านทุจริต, เรียกร้องให้ทุกพรรคเคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม, ไม่ใช้อำนาจในทางไม่ชอบ และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ส่วนนายอลงกรณ์ยืนยันไม่เอานายกคนนอก และวงจรการรัฐประหาร
คำถาม เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายอภิสิทธิ์จะแก้ปัญหาการผูกขาดเชิงโครงสร้าง ยกเลิก GDP และสร้างดัชนีตัวใหม่มาชี้วัดความเป็นอยู่ของคน มุ่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง ด้านการประกันรายได้ และกฎหมาย
ด้าน นพ. วรงค์ เชื่อว่าตนคลุกคลีกับประชาชนและเข้าใจปัญหาของพวกเขาดี และปัญหาที่ต้องการแก้ไขมากที่สุดคือ ปัญหาการทุจริต โดยการปราบโกง และสร้างบรรทัดฐานให้กับนักการเมือง
นายอลงกรณ์ จะสร้าง 'เศรษฐกิจสีขาว' ควบคู่ไปกับการเมือง ให้เอกชนเป็นผู้นำ การขจัดการผูกขาด และสร้างฐานเศรษฐกิจภูมิภาค อย่างเสรี เป็นธรรม และเสมอภาค
คำถามเกี่ยวกับการเจาะฐานเสียงภาคอีสาน
นายอภิสิทธิ์เชื่อว่าที่ผ่านมานโยบายของพรรคการตอบโจทย์ปัญหาของประชาชน แต่ถูกขัดขวางให้ลงพื้นที่ไม่ได้ และถูกบิดเบือนข้อมูล แต่ยุคนี้มีเสรีภาพทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย
นพ. วรงค์ เห็นแย้งว่าที่ผ่านมานโยบายของพรรคจับต้องไม่ได้ หากตนได้เป็นหัวหน้าพรรคจะออกนโยบายที่จับต้องได้ ไม่นามธรรม เช่น การปลดหนี้, น้ำ, ที่ดินทำกิน และพืชผลทางการเกษตร และทำให้พรรคเข้าถึงประชาชนมากขึ้น
ส่วนนายอลงกรณ์จะใช้นโยบาย 4 เสาเศรษฐกิจ 5 ฐานการพัฒนา ของตน เอาชนะใจชาวอีสาน
คำถามเกี่ยวกับการแก้ไขยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการแก้รัฐธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าการตั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไม่สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง แม้หลักการจะไม่มีอะไรผิด แต่มีรายละเอียดที่จะเป็นอุปสรรค์ต่อการทำงาน ตนจะปรับแก้กลไกของยุทธศาสตร์ชาติ และรัฐธรรมนูญในส่วนที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น การให้อำนาจกับ ส.ว. ที่ไม่ได้มาจากประชาชน แต่ต้องเป็นฉันทามติของทุกพรรค
นพ. วรงค์ มองว่าไม่เป็นปัญหาอุปสรรค์ในการพัฒนาประเทศ เพราะหลักการใหญ่ถูกต้อง ส่วนรัฐธรรมนูญ ตนจะเคารพมติประชาชน แต่หากมีบางสิ่งที่เป็นอุปสรรค์ในการดูแลประชาชนก็ต้องแก้ไข
นายอลงกรณ์จะปรับปรุงยุทธศาสตร์ชาติในกลไกที่ทำให้การทำงานของรัฐบาลไม่คล่องตัว แต่ยังคงเป้าหมายเดิมไว้
ระหว่างการดีเบตมีการถกเถียงกันระหว่างนายอภิสิทธิ์ และ นพ. วรงค์ เกี่ยวกับหลักการเสรีนิยมประชาธิปไตยของพรรค ที่ นพ.วรงค์ เห็นว่า เสรีประชาธิปไตยเป็นเสรีภาพที่เอาเปรียบประชาชน นำมาซึ่งความเหลื่อมล้ำ และการผูกขาด ต้องเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยสวัสดิการ เพื่อให้คนด้อยโอกาสอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม ขณะที่นายอภิสิทธิ์ โต้แย้งว่า สวัสดิการเป็นนโยบาย ไม่ว่าอุดมการณ์เสรีนิยมประชาธิปไตย หรือสังคมนิยม ก็ต้องใช้นโยบายนี้ ซึ่งสังคมนิยมต้องเก็บภาษีสูง แต่เสรีนิยมประชาธิปไตย เน้นการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม และเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า ยืนยันว่าอุดมการณ์พรรคต้องไม่เปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนยืนยันว่าแม้แพ้การหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคก็จะไม่ลาออกจากพรรค ซึ่งนายอภิสิทธิ์ บอกว่าพรรคนี้เป็นพรรคเดียวในชีวิต ขณะที่นพ. วรงค์ เปรียบพรรคเป็นเหมือนบ้านที่ตนจะอยู่ร่วมช่วยเหลือกัน ส่วนนายอลงกรณ์ ยืนยันไม่ลาออกอีก เพราะกว่าจะกลับมาได้วิบากกรรมเยอะจริง
จากนั้นเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครทั้ง 3 คนภายในเวลา 3 นาที โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเป็นผู้นำแนวทางการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาดำเนินการ ซึ่งเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงพรรคเอาเทคโนโลยีมาให้ประชาชนมีส่วนร่วม พิสูจน์ว่า ปชป.เป็นพรรคเดียวที่เป็นประชาธิปไตยและทันสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นผู้นำการเมืองและเป็นสถาบันการเมืองอย่างแท้จริง
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า หลังวันที่ 5 มีภารกิจนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้ง เอาประเทศออกจากหล่มที่ติดมานานกว่า 10 ปี ปชป.เป็นตัวของตัวเองเป็นทางหลักที่มีทางเลือกดีกว่าเผด็จการและคนโกงด้วยจุดยืนเสรีนิยมประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่กินได้แต่ไม่โกง สานต่อนโยบายประกันรายได้ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ กองทุนการออม นโยบายเรียนฟรีไปสู่การศึกษาที่มีคุณภาพ ฯลฯ และมีแนวคิดใหม่แบบก้าวกระโดด ขจัดการผูกขาดทั้งภาครัฐและเอกชน เลือกผู้ว่าราชการจังหวัด และตนในฐานะประธานอาเซียนปีหน้าจะนำประเทศไทยเป็นหนึ่งในภูมิภาคอีกครั้งหนึ่ง
"เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เคารพทุกท่าน 27 ปีที่ผมเป็นนักการเมืองในนามพรรค ผมทุ่มเทชีวิตการทำงานของผมให้กับพรรคการเมืองพรรคนี้แต่สิ่งที่ผมทุ่มเทให้เทียบไม่ได้กับบุญคุณที่พรรคมีกับผม กับคุณูปการที่พรรคนี้มีให้กับประเทศชาติ ผมปกป้องพรรค ต่อสู้เพื่อพรรคและประชาชนในทุกสถานการณ์ ภัยคุกคามต่อพรรคยังมี ยังมีคนจ้องทำลาย ยังมีคนอยากใช้พรรคเป็นเครื่องมือ ผมไม่ยอม และผมใช้โอกาสนี้ให้เจ้าของพรรคตัวจริง พลิกวิกฤตเป็นโอกาสนอกจากรักษาพรรค รักษาอุดมการณ์แล้ว นำประเทศไทยไปสู่ความรุ่งเรืองด้วย"
ด้านนายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าเจ้าของพรรคคือประชาชน และอดีตที่ผ่านมาเจ้าของพรรคมีโอกาสน้อย ถ้าตนชนะใจกว้าง ใจใหญ่ที่จะเชิญชวนทุกคนมาร่วมสร้างพรรคประชาธิปัตย์ให้แข็งแกร่ง ถ้าแพ้ก็จะให้ความร่วมมือทุกเงื่อนไข พรรคประชาธิปัตย์เป็นบ้านของทุกคนไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ตนรักบ้านหลังนี้ไม่น้อยกว่าคนอื่น
การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ก็เพราะเชื่อว่าจะทำให้บ้านหลังนี้เข้มแข็งได้ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเหนื่อยแบบแสนสาหัส ความรู้สึกเหมือนสู้กับระบอบทักษิณในปี 2548 บางครั้งอ้างว้าง เพราะหลายคนไม่กล้าคุยกับตน แต่ตนถือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นของตนและจะเป็นพรรคสุดท้ายที่ตนใช้ชีวิตทางการเมือง
ส่วนนายอลงกรณ์ ได้นำน้ำครำจากคลองแสนแสบมาประกอบการแสดงวิสัยทัศน์ของตัวเอง ว่าเป็นตัวอย่างของการเมืองน้ำเน่าที่สร้างปัญหา ทำให้ต้องปักธงการเมืองสีขาวเหมือนน้ำบริสุทธิ์ที่ทุกคนต้องดื่ม ซึ่งจะทำให้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ผู้นำต้องเด็ดขาด เด็ดเดี่ยว
ถ้าตนเป็นหัวหน้าพรรค หากมีปัญหาจะปลดทันที หากมีปัญหาเรื่องทุจริต เป็นรัฐบาล ก็จะขอใบลาออกจากรัฐมนตรีทุกคน และตนก็จะยื่นใบลาออกล่วงหน้าไว้ด้วย หากมีข่าวทุจริต กรรมการคุณธรรมจะตรวจสอบภายใน 36 ชั่วโมง ไม่ต้องรอให้ใครมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนขอโอกาสเป็นผู้นำพรรค สร้างจุดเปลี่ยนพรรค จุดเปลี่ยนการเมือง และจุดเปลี่ยนประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้้อง: