ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรีตรวจลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ยังไม่อนุมัติสร้างด่านใหม่ ขอพิจารณารอบคอบหวั่นซ้ำรอยบ้านป่าแหว่งดอยสุเทพ ขณะที่พลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร แกนนำพรรคชาติพัฒนา เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่นพี่ 12 ร่วมคณะด้วย ยืนยันไม่ถูกดูด แต่มาในฐานะพรรคพวก

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ก่อนเดินทางประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการที่จังหวัดบุรีรัมย์ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งในปี 2560 จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม มีมูลค่าการซื้อขายกว่า 3,000 ล้านบาท โดยมูลค่าส่งออก 800 ล้านบาท นำเข้า 2,000 ล้านบาท



20180507111141.jpg

ขณะเดียวกันเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ระบบโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการเป็นฮับและศูนย์กระจายสินค้าระดับภูมิภาค จึงมีโครงการจะสร้างด่านศุลกากรแห่งใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา เพราะเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงาน จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับกรณีป่าแหว่งดอยสุเทพ 

โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับชาวบ้านถึงการสร้างด่านใหม่ว่าต้องดูในส่วนของรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและรายงานการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ ยืนยันการเข้มงวดสินค้าชายแดนไม่ได้ทำร้ายใครแต่ต้องทำเพื่อให้ได้มาตรฐาน ยืนยันรัฐบาลนี้ดูแลประชาชนทุกภาคส่วน และการลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมืองแต่ไปเยี่ยมเหมือนทุกจังหวัด ดังนั้นการของบประมาณก็ต้องดูพื้นที่อื่นด้วย จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ไปพูดคุยกับประธานด่านโอเสม็ดของกัมพูชา ว่าขอให้ช่วยกันร่วมมือเพื่อพัฒนาด่านรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจพร้อมพูดขอบคุณเป็นภาษากัมพูชาว่า “อ่อกุนเจริญ” 

ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ของนายกรัฐมนตรีมีพลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่นพี่12 ของนายกรัฐมนตรี อดีตแม่ทัพภาค2 และแกนนำพรรคชาติพัฒนาร่วมคณะด้วย ซึ่งพลเอกธวัชชัย กล่าวว่ามาวันนี้ในฐานนะที่เป็นพรรคพวกกันยังไม่ได้มีการพูดคุยให้ไปร่วมงานกับรัฐบาล หรือถูกดูดแต่อย่างใด

'ประยุทธ์' ร่วมวงเซิ้ง 'กันตรึม'

S__2679170.jpg


นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ เดินทางมายังหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่าง อ. เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ยังการอนุรักษ์ศิลปะการทอผ้าไหมชั้นสูง และได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิตผ้าไหมที่ระลึกแก่ผู้นำต่างประเทศที่เข้าร่วมการประชุมเอเปค ครั้งที่ไทยเป็นเจ้าภาพปี 2003 ด้วย

ทันทีที่นายกรัฐมนตรีมาถึง ชาวบ้านท่าสว่างได้ให้การต้อนรับ ร่วมกับพลายทองคำ กับ พลายทองแท่ง ซึ่งเป็นช้างแฝด ที่ได้มอบดอกไม้และทำสัญญลักษณ์รูปหัวใจให้นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้ให้อาหารช้าง และชมการแสดงของช้างจากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินชมและร่วมซื้อผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของชาวบ้าน และร่วมเซิ้งเพลงพื้นถิ่นกับชาวบ้านอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง พร้อมสวมกอดผู้สูงอายุที่มาร่วมเซิ้งพร้อมชมการทอผ้าไหม และสลักชื่อลงบนผ้าไหม สีธรรมชาติ ลายพื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์นายกรัฐมนตรี ได้ตำข้าวเปลือก และชิมข้าวหอมมะลิ ปกาอำปึล ข้าวสิบพันธุ์ และข้าวเหนียวดำ ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดสุรินทร์ 

จากนั้น ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ โดยแสดงความเป็นห่วงเกษตรกรที่ปลูกพืชทางการเกษตร โดยขอให้พิจารณาความต้องการของตลาดเป็นหลัก และไม่ควรปลูกพืชชนิดเดียวกัน เพราะจะทำให้สินค้าล้นตลาด และขอให้เรียนรู้การขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ สำหรับสินค้าที่มีราคาไม่สูงและจำหน่ายในประเทศ ก่อนจะขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวปิดท้ายรายการวิทยุ ด้วยการฝากประชาชน ว่า ขอให้ไว้และให้ความร่วมมือกับตนเอง ซึ่งย้ำว่าตนเองรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ที่จะต้องทำเพื่อประชาชนกว่า70 ล้านคน และยืนยันว่าไม่เคยบังคับใคร และการเข้ามาครั้งนี้ก็เพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และไม่ได้ลงพื้นที่เพื่อหวังผลทางการเมือง และตนเองไม่ให้ความสำคัญกับผู้ที่ออกมาโจมตี

ทั้งนี้ เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าสว่าง ได้ร่วมร้องเพลง สู้เพื่อแผ่นดิน ซึ่งเป็นเพลงที่นายกรัฐมนตรีแต่งขึ้นเป็นเพลงที่ 6 ก่อนที่ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยัง จ. บุรีรัมย์ นายกรัฐมนตรีจะพบปะกับประชาชน ณ สนามช้างอารีน่า และตรวจเยี่ยมความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก สนามที่ 15 รายการ PTT Thailand Grand Prix ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีและคณะจะเยี่ยมชมถนนคนเดินเซาะกราว (Sroew Ground Walking Street) ซึ่งเป็นถนนสายวัฒนธรรมที่ได้รับรางวัลการบริหารจัดการชุมชนและสิ่งแวดล้อม


อ่านเพิ่มเติม