สำนักข่าวรอยเตอร์และเว็บไซต์ เมดิลล์รีพอร์ต รายงานว่า ทะเลสาบกาลิลีของอิสราเอล ประสบปัญหาภัยแล้ง และระดับน้ำลดต่ำลงเกือบถึง 6 เมตร นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่ ทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภูมิภาค เนื่องจากทะเลสาบกาลิลีถูกบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นสถานที่ที่พระเยซูทรงแสดงปาฏิหารย์ด้วยการเดินบนน้ำ จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดชาวคริสต์จำนวนมากให้มาเยี่ยมชมในแต่ละปี
ยูวิล สไตนิตซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งอิสราเอล เตรียมเสนอแผนสูบน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบกาลิลีไปประมาณ 75 กิโลเมตร เพื่อนำไปกลั่นเป็นน้ำจืดและส่งผ่านท่อมาเติมในทะเลสาบให้กลับไปสู่ระดับน้ำเท่าเดิมก่อนปี 2547 โดยคาดว่าแผนการดังกล่าวจะแล้วเสร็จได้ภายในปี 2569 หรืออีก 8 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณาในที่ประชุมสภาในเดือน ธ.ค. ถ้าสภาลงมติเห็นชอบ กระทรวงพลังงานจะรับผิดชอบการสูบน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมากลั่นเป็นน้ำจืดปีละประมาณ 120 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะใช้งบประมาณในกระบวนการทั้งหมดประมาณ 622 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 19,904 ล้านบาท
ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ทำให้ทะเลสาบกาลิลีลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการสูบน้ำไปใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคในประเทศ รวมถึงการส่งน้ำให้แก่จอร์แดน ประเทศเพื่อนบ้านของอิสราเอล ซึ่งเป็นเงื่อนไขในสนธิสัญญาสันติภาพซึ่งทั้งสองประเทศลงนามร่วมกันตั้งแต่ปี 2537 และปัญหาภัยแล้งในทะเลสาบกาลิลีส่งผลกระทบต่อจอร์แดนไม่แพ้อิสราเอล