พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่ตรวจความปลอดภัยท่าเทียบเรือและโป๊ะ เนื่องในวันเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 61 ตั้งแต่ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือสะพานพุทธ เขตพระนคร ท่าเรือวัดอรุณฯ เขตบางกอกใหญ่ ท่าเรือวังหลัง ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ฝั่งธนบุรี เขตบางกอกน้อย และท่าเรือพระราม 8 เขตบางพลัด
สำหรับเทศกาลลอยกระทงในปีนี้ ตรงกับวันที่ 22 พ.ย.61 กรุงเทพมหานคร กำหนดจัดงานวันลอยกระทง ณ บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี เขตบางพลัด และบริเวณคลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร พร้อมเปิดสวนสาธารณะให้ประชาชนลอยกระทง จำนวน 30 แห่ง ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 05.00 - 24.00 น. เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมสืบสานประเพณีไทย อาทิ สวนลุมพินี สวนจตุจักร สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) สวนสราญรมย์ สวนรมณีนาถ สวนสันติชัยปราการ สวนธนบุรีรมย์ สวนเสรีไทย อุทยานเบญจสิริ เป็นต้น พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตามสถานที่ต่าง ๆ ในวันลอยกระทง และอำนวยความสะดวก ตลอดระยะเวลาที่สวนสาธารณะเปิดให้ลอยกระทง เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน โดยกรุงเทพมหานครขอความร่วมมือประชาชนลอยกระทงโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งใช้ 1 กระทง 1 ครอบครัว เพื่อลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้น
ติดตั้งป้ายห้ามใช้งานท่าเรือและโป๊ะที่ชำรุดครบทุกแห่งแล้ว
สำหรับด้านความมั่นคงแข็งแรงของโป๊ะและท่าเรือนั้น จากการตรวจสอบท่าเรือและโป๊ะในพื้นที่กรุงเทพมหานครจำนวนทั้งหมด 436 ท่า โดยเป็นท่าในแม่น้ำเจ้าพระยา 227 ท่า และท่าในคลอง จำนวน 209 ท่า มีท่าเรือและโป๊ะที่อยู่ในสภาพใช้งานได้ จำนวน 348 ท่า แบ่งเป็นท่าในแม่น้ำเจ้าพระยา 182 ท่า และท่าในคลอง จำนวน 166 ท่า สำหรับท่าเรือและโป๊ะที่ชำรุด ต้องปรับปรุงซ่อมแซมมีจำนวน 88 ท่า แบ่งเป็นท่าในแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 45 ท่า และท่าในคลอง 43 ท่า ซึ่งท่าที่ชำรุด กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการปิดท่าเรือและโป๊ะ พร้อมติดตั้งป้ายห้ามใช้งานเรียบร้อยแล้ว
ตั้งศูนย์บัญชาการ บูรณาการทุกภาคส่วนร่วมดูแลประชาชน
ในส่วนของท่าเรือและโป๊ะที่มีสภาพปกติสามารถใช้การได้อย่างปลอดภัยนั้น กรุงเทพมหานครได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอยู่ประจำทุกจุด เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในวันลอยกระทง พร้อมทั้งติดตั้งป้ายแสดงจำนวนสูงสุดที่โป๊ะและท่าเรือรับน้ำหนักได้อย่างชัดเจน เพื่อแจ้งเตือนประชาชน รวมทั้งกรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานครในช่วงวันลอยกระทง ประจำปี 2561 ณ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี โดยแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วยหน่วยงานทุกภาคส่วน และองค์กรภาคีเครือข่ายบูรณาการเตรียมความพร้อม ในด้านต่างๆ อาทิ เจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมกันของแต่ละหน่วยงาน ทั้งในช่วงก่อนวันลอยกระทง วันลอยกระทง และหลังวันลอยกระทงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจและอบอุ่นใจในความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
กำชับห้ามเล่นพลุ ปล่อยโคม ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ในวันลอยกระทงของทุกปี จะมีการจัดทำ ผลิต สะสม จำหน่ายดอกไม้เพลิง และปล่อยโคมลอย ทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการผลิต สะสม และการนำมาเล่นอยู่เป็นประจำ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กรุงเทพมหานครจึงขอแจ้งเตือนประชาชน พึงระมัดระวังอันตรายจากการเกิดอัคคีภัย และสาธารณภัยต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ซึ่งกรุงเทพมหานคร ได้ออกประกาศ เรื่อง มาตรการป้องกันอันตรายจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ในช่วงวันลอยกระทง ประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 17 ต.ค.61 เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและป้องกันอันตราย รวมทั้งความเสียหายที่จะเกิดแก่ชุมชนและประชาชนโดยทั่วไป
สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ในการขอความร่วมมือจากผู้ผลิต สะสม จำหน่าย ผู้เล่นดอกไม้เพลิง จุดพลุ และโคมลอย ตลอดจนประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยห้ามจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน หากฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งยังห้ามจำหน่ายและห้ามเล่นประทัดจีนทุกชนิด ประทัด รูปทรงกลม รูปไข่ รูปสามเหลี่ยม และไดนาไมท์ หากฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับ ไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ โดยจะดำเนินการกวดขัน จับกุมผู้ฝ่าฝืนอย่างเข้มงวด
ตั้งชุดเฉพาะกิจตรวจสถานประกอบการผลิต สะสม และจำหน่ายดอกไม้เพลิงเข้มงวด
นอกจากนี้ ได้กำหนดแผนป้องกันอันตรายจากดอกไม้เพลิง และการเล่นโคมลอยไว้แล้ว โดยได้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ตรวจตราสถานประกอบการผลิต สะสม และจำหน่ายดอกไม้เพลิงอย่างเข้มงวดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รวมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการจัดงาน ในช่วงวันลอยกระทง เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและประชาชนมีความปลอดภัยสูงสุด ผู้ที่ฝ่าฝืน จุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศจนทำให้อากาศยานในระหว่างบริการเสียหายจนเป็นเหตุให้อากาศยานนั้นไม่สามารถทำการบินได้ หรือเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 - 20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 ถึง 800,000 บาท ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นเหตุสาธารณภัย สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ทางโทรศัพท์สายด่วนหมายเลข 199 และ 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :