น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า หอการค้าจังหวัดหนองคาย ได้เข้ายื่นเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนจังหวัดหนองคาย ยื่นผ่าน 3 ส.ส.หนองคายพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย น.ส.ชนก นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ และ นายเอกธนัช อินทร์รอด เพื่อร้องขอให้ ส.ส.หนองคาย ช่วยประสานงานในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน 6 ข้อ คือ
1.ควรมีซีอีโอในการสั่งการให้สอดคล้องทั้งประเทศ ไม่ใช่แบบที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ สั่งปิด และอีกหลายจังหวัด คนก็เดินทางกลับบ้านโดยไม่มีมาตรการรองรับในด้านต่างๆ ได้แก่
1.1 ด้านเศรษฐกิจ คนกลับบ้านจะมีรายได้อย่างไร
1.2 จังหวัดที่อยู่ติดชายแดนและมีแรงงานต่างชาติจะผลักดันกลับทันทีหรือไม่ ในขณะที่เป็นเวลาสั่งปิดด่าน
1.3 การสาธารณสุขเพียงพอหรือไม่ แทนที่จะปิดกรุงเทพฯ ที่เดียวแล้วเคลียร์พื้นที่ กลับให้คนเดินทางจำนวนมากโดยไม่รู้ว่าใครติดเชื้อบ้างหรือไม่
2. งบประมาณที่ตั้งเฉพาะเรื่องโรคระบาดมีหรือไม่ และจะจัดการบริหารอย่างไรให้ครอบคลุมทั้งประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เรารู้ว่ามีโรคนี้มาจากจีนตั้งแต่ปลายปี 2019 ได้เตรียมมาตรการรับมือไว้อย่างไร ประชาชนไม่รู้
3. รู้ว่าบุคลากรทางการแพทย์ และพยาบาล ไม่เพียงพอ หากมีการระบาดเป็นจำนวนมาก ก็ควรจะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดในการกักตัวมากๆ แต่ในความเป็นจริงแม้แต่ชุดและหน้ากากอนามัยยังมีปัญหา
4. ควรมีมาตรการระยะสั้นถึงยาวว่าประเทศเราจะดำเนินการไปทางไหนเพื่อประชาชนจะได้ปฏิบัติได้ ไม่ใช่เป็นอำนาจของผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัดพิจารณาเอง ควรมีหลักใหญ่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และแผนงานของสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ที่เหลือคือผู้ว่าฯ พิจารณาตามพื้นที่ที่มีโรคระบาด
5.หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ควรเพิ่มงบประมาณในด้านสาธารณสุขให้กับโรงพยาบาลจังหวัดชายแดนมากๆ และเพิ่มจำนวนพยาบาลด้วย ควรเป็นโรงพยาบาลที่สามารถรับมือในเหตุการณ์แบบนี้ในอนาคตเพื่อป้องกันไม่ให้ระบาดต่อ
6. จังหวัดหนองคายอยู่ติดชายแดนกับ สปป.ลาว มีบริษัทและธุรกิจที่อยู่ใน สปป.ลาว ปัจจุบันทางประเทศไทยห้ามประชาชนคนไทยออกไป สปป.ลาว อยากจะให้ทางจังหวัด (ผู้ว่าราชการจังหวัด) อนุโลมให้ผู้มีบริษัทและธุรกิจได้เดินทางเข้า-ออกได้
น.ส.ชนก ระบุด้วยว่า ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ทั้งสามคนเข้าใจและเห็นใจประชาชนทุกคนในช่วงที่ยากลำบาก จึงขอนำเรื่องราวข้อร้องทุกข์นี้ ยื่นผ่านประธานสภาฯ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปดำเนินการ แก้ไขต่อไป ซึ่งขณะนี้ประชาชน อึดอัด ลำบาก มีความเดือดร้อนในเรื่องทำมาหาเลี้ยงปากท้อง แต่ไม่รู้จะไปบอกกับใคร โดยเฉพาะประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ถูกเลิกจ้าง ไม่มีเงินจะกินจะใช้ ก็ต้องกลับบ้าน กลับมาถึงบ้านก็ถูกคัดกรอง กักตัวอีก 14 วัน