นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ว่า การศึกษาไทยยังไม่ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างเหมาะสม เห็นได้จากนักเรียนไทยส่วนมากมักต้องไปเรียนกวดวิชากันหลายแห่ง เรียนหนังสือกันรวมวันละเกือบสิบชั่วโมง ขณะที่บางคนต้องแบกหนังสือไปเรียนหลายเล่ม แต่ผลการเรียนกลับไม่ได้ดีเหมือนนักเรียนจากต่างประเทศ ที่นักเรียนใช้เวลาเรียนน้อย แทบไม่มีหนังสือติดตัวไปโรงเรียน แต่ผลการเรียนมีคุณภาพ

ทั้งนี้มองว่าสังคมไทยยังให้ค่ากับผู้ที่จบปริญญาตรีมากเกินไป เห็นได้จากค่าตอบแทนในการทำงานที่แม้ขณะนี้จะมีผู้จบปริญญาตรีแย่งงานกันจนล้นตลาด แต่ค่าตอบแทนก็ยังดีกว่าผู้ที่จบสายอาชีวะ ทั้งที่ขณะนี้ตลาดแรงงานอาชีวะขาดแคลนอย่างมาก โดยสายอาชีวะเองก็ไม่รับการพัฒนาส่งเสริม ที่สำคัญนักเรียนส่วนใหญ่มุ่งแต่ว่าจะต้องเรียนให้ได้ปริญญากันเป็นส่วนมาก ส่วนสถาบันการศึกษาหลายๆแห่ง ก็ยังผลิตผู้ที่สำเร็จการศึกษาออกมาไม่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานด้วย

ดังนั้นภาครัฐจึงควรมุ่งเน้นสร้างนักวิจัยให้มากขึ้น เพราะงานวิจัยจะเป็นพื้นฐานในการช่วยพัฒนาประเทศได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศควรให้ความสำคัญ ส่วนการลงทุนของภาครัฐในอนาคตควรเป็นเรื่องสวัสดิการและสังคม รัฐไม่ควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เองหลายๆโครงการ ควรเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมทุนกับภาครัฐ แล้วนำงบประมาณที่ไม่ได้ลงทุนนี้ไปช่วยเหลือผู้สูงอายุ และพัฒนาการศึกษาให้ดีขึ้น เพราะขณะนี้ปัญหาสังคมในด้านนี้ยังไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร

ขณะเดียวกันพรรคการเมืองควรมองการเมืองให้เป็นเรื่องนโยบายสาธารณะ หมายถึง การทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของประชาชน ไม่ใช่การมุ่งแต่จะเอาชนะกัน เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจ ทั้งนี้อนาคตหากตัวเองได้กลับมาเป็นรัฐบาลก็จะมุ่งหน้าพัฒนาการศึกษาไทยให้ดีขึ้นให้ได้