นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Foreign Exchange Trade System: CFETS) ได้ขยายขอบเขตการซื้อขายและการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรงระหว่างเงินหยวนและเงินบาทได้ทั่วประเทศจีน จากเดิมที่ทำได้เฉพาะในระดับภูมิภาค ณ มณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นการเพิ่มผู้เล่นและสภาพคล่องในสกุลเงินหยวน/บาท นำไปสู่การลดต้นทุนการแลกเปลี่ยนเงิน (spread) และจะช่วยสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นของทั้ง 2 ประเทศให้มีมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธปท. ร่วมกับธนาคารกลางและทางการของจีนในการส่งเสริมการใช้เงินหยวนและเงินบาท เพื่อชำระธุรกรรมการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย 

อีกทั้งเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ได้ต่ออายุความตกลงทวิภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลหยวนและบาท หรือ BSA (Bilateral Swap Agreement) ไปอีก 3 ปี เพื่อสนับสนุนการให้สภาพคล่องเงินหยวนและเงินบาท 

การขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศในครั้งนี้ จะช่วยผู้ประกอบการให้มีทางเลือกเพิ่มเติมในการเลือกใช้เงินหยวนและเงินบาทในการชำระค่าสินค้าและบริการ จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของภาคธุรกิจลงได้ อีกทั้งความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในภูมิภาค เพื่อลดการพึ่งพาเงินสกุลหลักที่มีความผันผวนมากในปัจจุบัน โดยนอกจากความร่วมมือกับทางการจีนแล้ว ธปท. ยังร่วมมือกับมาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ด้วย

สำหรับความตกลงทวิภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลหยวนและบาท หรือ BSA หยวน-บาท นั้น มีวงเงินตามข้อตกลง 7 หมื่นล้านหยวน หรือ 3.7 แสนล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทยและทางการจีน เริ่มมีสัญญาดังกล่าวตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2554 อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ไทยยังไม่เคยเบิกใช้วงเงินดังกล่าว เพราะตลาดสามารถหาสภาพคล่องเงินบาทและเงินหยวนได้ จึงไม่จำเป็นที่ธนาคารกลางทั้ง 2 ประเทศต้องใช้วงเงินสวอปที่ทำไว้ระหว่างกันนี้ 

"การขยายพื้นที่ซื้อขายและกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน นอกเหนือจากมณฑลยูนนาน จะเป็นการซื้อขายบนกระดานระดับประเทศที่จะมีผู้ร่วมตลาดจำนวนมากขึ้น และมีการส่งเสริมให้มีการซื้อขายเงินหยวนกับเงินบาทโดยตรง (direct quotation) ผ่านกระดานนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับวงเงินการเสริมสภาพคล่อง BSA" นางจันทวรรณกล่าว