นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีกระแสวิจารณ์นาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ชี้แจงว่านาฬิกาหรูที่โลกออนไลน์เปิดเผยข้อมูลมากกว่า 20 เรือนนั้น ไม่ใช่นาฬิกาของเขา แต่เป็นนาฬิกาที่ยืมมาจากเพื่อนและคืนไปหมดแล้วนั้น
นางสาวรสนา ระบุว่า “ระยะทางพิสูจน์ม้า นาฬิกาพิสูจน์คนและกลไกรัฐ” พร้อมแสดงความเห็นว่าที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และหัวหน้า คสช. เคยใช้มาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นออกจากตำแหน่งหลายร้อยคน ทั้งที่ไม่มีรายงานผลการสอบสวนความผิดหรือการทุจริต ซึ่งหัวหน้าคสช.เคยชี้แจงว่า “ถ้าเรื่องไหนสำคัญมากๆ หรือเป็นปัญหาใหญ่ จำเป็นต้องรื้อตำแหน่งระดับสูงให้ขยับออกมาก่อน เพื่อให้เกิดการสอบสวน หาพยานหลักฐานในเชิงประจักษ์ให้ได้ แต่ถ้าไม่ผิดก็กลับมาที่เดิม ”
นางสาวรสนา จึงคาดหวังว่าพลเอกประยุทธ์ จะใช้มาตรฐานเดียวกันนี้ กับกรณีของพลเอกประวิตร เพื่อสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ พร้อมย้ำว่า กรณีนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ว่าทั้งคนและกลไกภาครัฐในการปราบโกง จะเป็นกลไกที่ได้รับความเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
ด้านพลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เปิดเผยความคืบหน้าในการสอบสวนกรณีนี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดวันนัดหมายที่จะไปสอบปากคำเอกชนที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ให้พลเอกประวิตร ยืมนาฬิกาหรูและแหวนเพชรมาใส่แล้ว โดยเป็นการนัดหมายนอกสถานที่ ซึ่งเรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการทำงานของสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง หากรวบรวมข้อมูลเสร็จสิ้น จึงจะส่งเรื่องให้กรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาก่อน และหากกรรมการเห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วน เจ้าหน้าที่ต้องกลับไปหาข้อมูลเพิ่ม ก่อนจะส่งให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา