ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ว่าการแบงก์ชาติแจงการทำนโยบายการเงิน การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยต้องคิดในบริบทของเศรษฐกิจไทย แม้ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ยมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแล้ว ย้ำฐานะภาคต่างประเทศไทยแกร่ง สามารถรองรับสถานการณ์ หากมีเงินไหลกลับไปสหรัฐ

นาย วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การทำนโยบายการเงินในปี 2561 จะต้องเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งปัจจุบันเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังต้องการให้มีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งกว่านี้

ขณะที่อัตรา เงินเฟ้อของไทยแม้จะอยู่ในระดับต่ำ แต่ในปีหน้าคาดว่าจะมีแนวโน้มค่อยๆ ขยับขึ้น ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้ธนาคาการสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ร้อยละ 1.25-1.50 แล้ว แต่การดำเนินนโยบายการเงิน หรือการพิจารณาถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยไทยนั้น จะต้องพิจารณาตามบริบท และพัฒนาการทางเศรษฐกิจภายในประเทศไทยเป็นสำคัญ

แม้ ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ซึ่งไม่ห่างกับดอกเบี้ยสหรัฐมากแล้ว และทำให้เกิดความกังวลว่า เงินทุนจะไหลออกจากประเทศไทยกลับไปสหรัฐ ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ปรับเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ ธปท. ชี้แจงว่า ประเทศไทยมีกันชนรองรับการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ดี เพราะฐานะภาคต่างประเทศที่แข็งแกร่ง คือมีเงินสำรองระหว่างประเทศมากกว่าเงินกู้จากต่างประเทศมากถึง 3 เท่า ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในรอบที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) จึงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อไป ซึ่งยังเป็นการทำนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอยู่ เพราะเศรษฐกิจไทย แม้จะมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน แต่ก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มศักยภาพ ดังนั้นในปี 2561 การทำนโยบายการเงินยังต้องผ่อนคลายอยู่

เตือนเงินดิจิตอลเสี่ยงสูง

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ยังกล่าวถึง Cryptocurrency หรือ เงินดิจิตอล ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจมากขึ้น และมีบางสกุลมีราคาปรับตัวขึ้นลงรุนแรง ว่าสิ่งนี้เป็นเสมือนสินค้าโภคภัณฑ์ ไม่ใช่เงินที่จะซื้อของใช้จ่ายทั่วไป ดังนั้นจึงถูกใช้เป็นตราสารในการการลงทุนมากกว่าการชำระเงิน และมีความแตกต่างจากเงินตราที่ใช้กันในปัจจุบันค่อนข้างมาก

อีกทั้ง จากการตรวจสอบจากสถาบันการเงินในประเทศไทย พบว่า ไม่ได้มีธุรกรรมใดๆ ที่มีลักษณะทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิตอลเหล่านี้ในลักษณะที่ แพร่หลายเท่าไร ดังนั้น จึงมองว่า ยังไม่น่าจะมีความเสี่ยงต่อระบบการเงินไทยโดยรวม

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยบางกลุ่มสนใจเงินดิจิตอลมากขึ้น จึงขอเตือนให้ผู้สนใจศึกษาทำความเข้าใจเงินประเภทนี้อย่างท่องแท้ก่อนตัดสิน ใจลงทุน เพราะเงินดิจิตอลยังความเสี่ยง ทั้งด้านราคาที่ผันผวนรุนแรง มีความเสี่ยงเรื่องเทคโนโลยี ระบบปฏิบัติการซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีตลาดหุ้นบางแห่งถูกแฮค (hack) เกิดขึ้นแล้ว

 รวมทั้งยังมีการชัก ชวนประชาชนเข้าไปลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล ในลักษณะร่วมลงทุนคล้ายแชร์ลูกโซ่ ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้ประชาชนเป็นเหยื่อในสิ่งเหล่านี้เช่นกันทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (17-24 ธ.ค.) ราคาบิทคอยน์ ซึ่งเป็นเงินสกุลดิจิตอลหนึ่งในกว่า 1,300 สกุล มีราคาผันผวนรุนแรง จากต้นสัปดาห์อยู่ที่ 19,601 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 640,952 บาท และปรับตัวลงมาต่ำสุดรอบสัปดาห์อยู่ที่ 11,886 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 388,672 บาท เมื่อกลางสัปดาห์ ซึ่งปรับตัวลดลงมากถึงร้อยละ 40 ก่อนจะปรับตัวขึ้นมา โดยเย็นวันที่ 24 ธ.ค. มีราคาอยู่ที่ 14,247 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 465,877 บาท

ได้รับพระบรมราชานุญาตเริ่มผลิตธนบัตรชุดใหม่

สำหรับ การจัดพิมพ์ธนบัตรหมุนเวียนชุดใหม่ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลง กรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 นั้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ขณะนี้ได้รับพระบรมราชานุญาตให้เริ่มกระบวนการผลิตธนบัตรชุด ส่วนพร้อมจะออกใช้เมื่อไร จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง