นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหาร ไทยซัมมิทกรุ๊ป เปิดเผยชื่อพรรคการเมืองที่ตนเองและแนวร่วมจัดตั้งขึ้นแล้วใช้ชื่อว่า "พรรคอนาคตใหม่" เป็นการเกิดจากการรวมตัวกันของคนหลากหลายวงการเพื่อสร้างเมืองแบบใหม่ไม่ให้ประเทศไทยต้องจมอยู่กับทศวรรษที่สูญหายอีกต่อไป
โดยนโยบายของพรรค ออกแบบมาเมื่อให้ประชาชนมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม พัฒนาคุณภาพชีวิต เข้าถึงทุนและทรัพยากร ทำลายระบบผูกขาดที่ทำให้ประชาชนไร้อำนาจต่อรอง พัฒนาสวัสดิการที่รองรับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้แก่ทุกคนอย่างถ้วนหน้า อีกทั้งยังส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ที่มาพร้อมกับโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ สร้างกฎหมายที่เอื้อให้เกิดธุรกิจใหม่ไม่ใช่เป็นอุปสรรค
“ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราเสียเวลาทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เพราะทุกคนเอาเวลา กำลังใช้ไปกับการเอาชนะทางการเมือง แต่ละเลยการพัฒนาเศรษฐกิจ เราเสียต้นทุนของความสงบสุขเยอะเกินไปแล้ว เป็นความสงบสุขที่ฉาบฉวย ต้องจ่ายด้วยเสรีภาพของประชาชน และเศรษฐกิจ”ธนาธรกล่าว
โดยนายธนาธร ระบุต่อว่าตนจะลบภาพความเป็นนายทุนกับพรรคการเมือง โดยทำให้พรรคอนาคตใหม่เป็นของทุกคน ยืนอยู่บนหลักการประชาธิปไตยทุกขั้นตอน ไม่มีนายทุนพรรค แต่จะมีการระดมทุนจากประชาชน และรับฟังเสียงของประชาชน จึงไม่มีใครมีอำนาจเหนือพรรคแม้กระทั่งตนเอง ส่วนเรื่องการแข่งขันกับพรรคใหญ่ในสนามการเลือกตั้งนั้น ตนไม่กังวล พร้อมสู้ทุกพรรค ส่งทุกเขต เพื่อแย่งชิงคะแนนเสียงเป็นพรรคทางหลักของสังคมให้ได้ ไม่ใช่แค่พรรคทางเลือก พร้อมยืนยันไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก แต่อนาคตจะร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองใดหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้
ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตกลุ่มนิติราษฎร์ กล่าวถึงเป้าหมาย 3 ข้อของพรรคการเมือง อนาคตใหม่ ว่า 1.จะทำให้คนไทยเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยสามารถแก้ไขปัญหาได้ ความขัดแย้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ และต้องแก้ด้วยประชาชนด้วยกัน ล้างภาพที่กองทัพสร้างความหวาดกลัว และทำลายศรัทธาของประชาชนต่อประชาธิปไตย 2.ใช้วิธีการบริหารจัดการแบบใหม่หลอมรวมคนที่มีความรู้ความสามารถเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างการเมืองแบบใหม่ นำเสนอนโยบายแบบก้าวหน้า เช่น การกระจายอำนาจ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและทำลายการผูกขาดทางเศรษฐกิจ พัฒนาระบบสวัสดิการ สร้างกฎหมายที่ทันสมัยเพื่อเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น 3.เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองใหม่ เปิดกว้างให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรค มีนโยบายที่มาจากการศึกษาทางวิชาการและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
“หากประชาชนไม่ร่วมมือกันกำหนดอนาคตของตนเอง เพื่อนำพาประเทศไทยออกจากทศวรรษที่สูญหายนี้ ประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้และเราอาจไม่มีโอกาสฟื้นมันกลับมาได้อีกแล้ว มุ่งหน้าสู่ทศวรรษแห่งการทวงคืนอนาคต ร่วมทวงคืนอนาคตของเรา ร่วมทวงคืนอนาคตประเทศไทย อนาคตใหม่เพื่อประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เพื่อประเทศไทยที่มีอนาคต”ปิยบุตร กล่าว
ขณะเดียวกัน นายปิยบุตร ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงจุดยืนที่ต้องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า การเสนอแก้ไขมาตราดังกล่าวอยู่ภายใต้หลักการของกฎหมาย เพื่อไม่ให้บุคคลใดนำมาตรานี้แอบอ้างสถาบันมาใช้กลั่นแกล้งผู้เห็นต่างและศัตรูทางการเมืองได้อีก ส่วนความสัมพันธ์ของตนเองกับคณะนิติราษฎร์นั้น ส่วนตัวไม่เคยปฏิเสธ การเป็นสมาชิกคณะนิติราษฎร์ แต่วันนี้กำลังจะเปลี่ยนบทบาทจากนักวิชาการเป็นนนักการเมือง ส่วนสมาชิกคนอื่นก็ทำหน้าที่นักวิชาการต่อไปไม่เกี่ยวข้องกัน
นอกจากนี้ พรรคอนาคตใหม่ จะทำประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม เวทีการเมืองไม่ผูกขาดโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีระบบที่ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้โดยประชาชน และพร้อมทำงานการเมืองระยะยาว เพื่อผลักดันความคิดและนโยบายให้เกิดผล โดยประชาชนเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน ผ่านการระดมสมองและระดมทุน เป็นเวทีที่เปิดกว้างกับทุกเรื่อง
ส่วนรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้งนอกจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจแล้ว ยังมีนักวิชาการ ตัวแทนภาคประชาชนและเอกชนอีก เช่น กุลธิดา รุ่งเรืองเกรียติ นักวิชาการอิสระด้านการศึกษา, กฤตนัน ดิษฐบรรจง แกนนำกลุ่มเยาวชนอาสา ทำงานกับกลุ่มวัยรุ่นติดเชื้อเอชไอวี, เคท ครั้งพิบูลย์ นักปกป้องสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ, เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นักปรุงเบียร์ นักธุรกิจ มัคคุเทศก์อิสระ, ปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ และอนุกูล ทรายเพชร เกษตรกรยุคดิจิทัล นักธุรกิจเพื่อสังคม เป็นต้น
โดยในวันนี้ (15 มี.ค.) นายธนาธร จะเดินทางไปยังสำนักงาน กกต. เพื่อทำการจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง