พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะได้เดินทางไป จ.ขอนแก่น เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบายของรัฐบาลในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน โดยภาพรวมพบว่า 12 จังหวัด ในพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ( บชภ.4 ) มีประชาชนร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากการเป็นหนี้นอกระบบจำนวนมาก โดยถูกเจ้าหนี้/ผู้ปล่อยกู้ จัดทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม
ในลักษณะนิติกรรมอำพรางหลายรูปแบบ เช่น สัญญากู้เงินที่ลงนามร่วมกันโดยไม่ลงจำนวนเงิน, การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา, การบังคับจำนองหรือขายฝาก, การลงนามในเอกสารเท็จ โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น โฉนดที่ดิน เป็นต้น ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว ลูกหนี้มักเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และถูกข่มขู่ คุกคามใช้ความรุนแรงตามมา มีผลต่อสุขภาพจิตและบั่นทอนคุณภาพชีวิตครอบครัวอย่างมาก
ขณะที่ ฝ่ายความมั่นคง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ใช้ความพยายามขยายผล สืบสวนลูกหนี้ โดยสามารถเอาผิดกับผู้ปล่อยกู้ ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม" ซึ่งมีผลบังคับทั้งกฎหมายฟอกเงิน สู่การยึดทรัพย์และมาตรการทางภาษีตามมา
โดยที่ผ่านมา การปฏิบัติการในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและอุดรธานี สามารถช่วยเหลือและมอบโฉนดที่ดิน คืนให้กับผู้เสียหายได้แล้วกว่า 150 ราย มูลค่าเกือบ 140 ล้านบาท
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ร่วมมอบโฉนดที่ดินคืนแก่ชาวบ้านและเกษตรกร กว่า 150 ราย หลังจากนั้น ได้กล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานของ บชภ.4 ที่ริเริ่มจัดตั้ง "ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ การกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม" และร่วมกันใช้ความพยายาม ขยายผลสืบสวนข้อเท็จจริง จนสามารถเอาผิดกับผู้ปล่อยกู้นอกระบบและคืนที่ดินทำกินจำนวนมาก กลับสู่เจ้าของในที่สุด พร้อมกับย้ำว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญและถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม ช่วยเหลือและให้โอกาสกัน เพื่อให้ทุคนกลับมายืนและร่วมเดินหน้าเข้มแข็งไปด้วยกัน
โดยขอให้ ฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ ร่วมทำงานเป็นหนึ่งเดียว ให้ความเป็นธรรมในการไกล่เกลี่ย ประนอมหนี้ รวมทั้งให้คำแนะนำและช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อความชัดเจนของมูลหนี้และการชำระ สำหรับกรณีที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดกฎหมาย ให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนขยายผล เอาผิดทางกฎหมายอย่างจริงจัง พร้อมทั้งได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณานำแนวทาง 'ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ การกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม' ไปปรับใช้กับทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ โดยให้เร่งรัดขับเคลื่อนคลี่คลายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในภาพรวมไปพร้อมๆกัน และที่สำคัญ ต้องช่วยเหลือนำคืนที่ดินทำกินของเกษตรกร หรือชาวบ้าน ที่ตกไปอยู่กับนายทุนปล่อยกู้เถื่อนที่เอารัดเอาเปรียบให้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :