สหรัฐฯ ประกาศยกเลิกแบนผู้ลี้ภัยจากประเทศที่อ้างว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงทั้ง 11 ประเทศแล้ว หลังจากถูกวิจารณ์ว่า มาตรการแบนผู้ลี้ภัยนี้จะส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง และอาจเกิดอคติกับคนที่มาจากแอฟริกา เอเชียและประเทศมุสลิม
ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า แม้จะยกเลิกมาตรการแบน แต่ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพจาก 11 ประเทศที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ จะต้องผ่านการตรวจสอบด้านความเสี่ยงที่เข้มงวดกว่าที่ผ่านมา โดยเคียร์สเชน นีลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าใครเดินทางเข้าประเทศ มาตรการที่เข้มงวดขึ้นจะทำให้คนไม่ดีใช้ช่องทางการยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยได้ยากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุที่ชัดเจนว่า การคัดกรองจะเข้มงวดขึ้นอย่างไรบ้าง แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า อาจมีการขอหลักฐานอย่างละเอียดเกี่ยวกับประวัติบุคคลในช่วงที่ผ่านมา และอาจมีการตรวจเช็คอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมถึงโซเชียลมีเดียต่างๆ ด้วย
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า จะแบนผู้ลี้ภัยจาก 11 ประเทศไม่ให้เข้าสหรัฐฯ แม้จะไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีประเทศใดบ้าง แต่จากข้อมูลของผู้ทำงานเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย พบว่า 11 ประเทศดังกล่าว ได้แก่ เกาหลีเหนือ อียิปต์ อิหร่าน อิรัก ลิเบีย มาลี โซมาเลีย เซาท์ซูดาน ซูดาน ซีเรียและเยเมน ซึ่งทำให้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายทรัมป์เกลียดกลัวชาวมุสลิม เนื่องจากประเทศที่ถูกแบนส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม
ก่อนที่นายบารัก โอบามาจะหมดวาระการเป็นประธานาธิบดี เขาได้กำหนดโควต้ารับผู้ลี้ภัยในปีงบประมาณ 2017 ไว้ที่ 110,000 คน แต่เมื่อนายทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาพยายามลดจำนวนลงเป็น 53,000 คน แล้วปรับลดลงมาอีกในปีงบประมาณ 2018 เป็น 45,000 คนเท่านั้น แต่ปีนี้ จำนวนคนที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในสหรัฐฯ อาจน้อยกว่านั้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีช่วงที่ระงับการรับผู้ลี้ภัยทั้งหมด 120 วัน เพื่อทบทวนมาตรการคัดกรองให้เข้มงวดขึ้น
เมื่อสัปดาห์ก่อน นายทรัมป์เพิ่งประกาศว่าจะยกเลิกโครงการล็อตเตอรีแจกกรีนการ์ด ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินมายาวนานถึง 27 ปี มีจุดประสงค์เพื่อให้สิทธิการทำงานและอาศัยในสหรัฐฯ อย่างถาวรแก่ผู้อพยพจากหลากหลายประเทศ และนายทรัมป์ยังต้องการให้จำกัดผู้ติดตามของผู้อพยพ โดยให้พาเฉพาะคู่สมรสและลูกเข้ามาอาศัยในสหรัฐฯ ได้เท่านั้น แต่ไม่อนุญาตให้ญาติที่ห่างออกไปเข้ามาขอสัญชาติหรืออาศัยอยู่ด้วยได้ ซึ่งสหรัฐฯ จะยุติการอพยพแบบลูกโซ่นี้ เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติจากการก่อการร้ายและอาชญากรรม