พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจที่ได้รับทราบว่าสำนักข่าว U.S. News & World Report ได้เผยแพร่ผลการจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดในโลกในด้านต่างๆ ประจำปี 2561 บนเว็บไซต์ usnews.com โดยประเทศไทยยังคงครองแชมป์อันดับ 1 จากทั้งหมด 80 ประเทศทั่วโลกในเรื่องการเป็นประเทศที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มธุรกิจ (Best Countries to Strat a Business) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน (Best Countries to Invest In) อันดับที่ 8 จาก 25 ประเทศทั่วโลก
"นายกฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลพยายามเป็นอย่างมากที่จะสร้างบรรยากาศให้เอื้ออำนวยต่อการค้าการลงทุนในประเทศไทย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ตั้งแต่ระดับนักธุรกิจลงไปถึงผู้ใช้แรงงานและผู้มีรายได้น้อย ซึ่งผลการจัดอันดับนี้ถือเป็นสิ่งยืนยันว่าชาวต่างชาติมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยเหตุผลหลักมาจากการที่รัฐบาลได้ลดขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจและลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการลง" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับดังกล่าวยังสอดคล้องกับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ประจำปี 2561 ที่จัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นถึง 20 อันดับจากเดิมอยู่ในอันดับ 46 ในปี 2560 เป็นอันดับที่ 26 ในปี 2561 สืบเนื่องจากการปรับลดขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจากเดิม 5 ขั้นตอนใช้เวลา 25.5 วัน เหลือเพียง 3 ขั้นตอน ใช้เวลา 2 วัน และการลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการจากเดิม 6,600 บาท เหลือเพียง 5,800 บาท"
นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า นอกจากมุมมองด้านการทำธุรกิจและการลงทุนแล้ว ประเทศไทยยังมีจุดเด่นในสายตาของชาวต่างชาติอีกหลายด้าน เช่น เป็นประเทศที่ดีที่สุดอันดับ 5 ในการไปศึกษาต่อ อันดับ 9 สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว และอันดับ 4 ประเทศที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามมากที่สุด เป็นต้น จึงอยากให้คนไทยมีความภาคภูมิใจ ร่วมกันรักษาและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าไปพร้อมกับรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ธนาคารโลก ได้เปิดเผยรายงานการจัดอันดับความยาก - ง่าย ในการทำธุรกิจ หรือ Doing Business ปี 2561 โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับขึ้นมาอยู่ที่ลำดับที่ 26 จาก 190 ประเทศทั่วโลก ด้วยคะแนน 77.44 คะแนน ขณะที่ปี2560 อยู่ที่อันดับ 48 ทำได้ 71.76 คะแนน เมื่อเทียบกับระเบียบวิธีวัดของปีก่อน
ทั้งนี้ ประเทศไทยสามารถไต่ขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่มีการปรับปรุงมากที่สุด และอยู่ในกลุ่มร้อยละ 15 ประเทศที่ทำให้การประกอบธุรกิจง่ายขึ้น โดยในปีนี้ (2561) รัฐบาลไทยมีเป้าหมายให้การจัดอันดับมีคะแนนเพิ่มขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน จากปีก่อนไทยเป็นอันดับ 3 ต่อท้าย มาเลเซีย และสิงคโปร์ที่มีคะแนน 78.43 และ 84.57 คะแนน ตามลำดับ