กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกแถลงการณ์ลงวันที่ 11 มี.ค. โดยระบุว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.) กองทัพอากาศรัสเซียได้ทดสอบยิงขีปนาวุธตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ชื่อว่า 'คินซาล' จากฝูงบินรบ MiG-31 ของกองทัพอากาศเพื่อทดสอบระบบการทำงานและประสิทธิภาพของขีปนาวุธดังกล่าว ซึ่งมีความเร็วเหนือเสียง 10 เท่า รวมถึงระบบคำนวณพิกัดเวลา พร้อมประกาศว่าการทดสอบประสบความสำเร็จด้วยดี
ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อการโจมตีทั้งทางอากาศและทางน้ำ แต่การทดสอบเมื่อวันที่ 9 มี.ค.มีเป้าหมายในการโจมตีทางบก ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า การทดสอบนี้เป็นเรื่องปกติ และการทดสอบที่ผ่านมามีการทดสอบทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนกว่า 10 ครั้ง เพื่อดูประสิทธิภาพของการป้องกันและโจมตีของอาวุธภายใต้เงื่อนไขสภาพอากาศที่แตกต่างกัน
ขณะที่เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวว่า การทดสอบขีปนาวุธของรัสเซียไม่มีผลเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ทางการทหารของสหรัฐฯ ที่มีต่อรัสเซีย และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า คำแถลงของปูตินเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพูดถึงศักยภาพทางทหาร เป็นเรื่องน่าผิดหวัง แต่ก็ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ ทั้งยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเทคโนโลยีที่จะผลิตขีปนาวุธตามที่ผู้นำรัสเซียกล่าวอ้างนั้นยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีที่จะพัฒนาให้เสร็จสมบูรณ์
สำนักข่าวดอยเชอเวลเลอของเยอรมนีรายงานว่า ขีปนาวุธคินซาล เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาศักยภาพอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย ซึ่งประธานาธิบดีปูตินแถลงว่าเป็น 'อาวุธแห่งอนาคต' ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์และนโยบายประจำปีของรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 มีี.ค.
สุนทรพจน์ของปูตินระบุว่า รัสเซียกำลังพัฒนาระบบยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์แบบใหม่สองระบบ ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ไร้เทียมทาน สามารถยิงได้ถึงทุกประเทศทั่วโลก และที่สำคัญขีปนาวุธดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการเคลื่อนที่ได้เร็วเหนือเสียงราว 10 เท่า และยังสามารถหลบหนีการตรวจจับของเรดาร์ได้ด้วย
สื่อเยอรมันระบุว่า ท่าทีดังกล่าวของรัสเซีย จะทำให้เกิดการแข่งขันพัฒนาด้านอาวุธตามมา เพราะหากขีปนาวุธดังกล่าวประสบความสำเร็จจริง จะทำให้ประเทศตะวันตกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซียตกเป็นเป้าโจมตี และมีเวลาเตรียมตัวป้องกันการโจมตีลดลง เนื่องจากขีปนาวุธคินซาลสามารถเคลื่อนที่ได้ไกลด้วยความเร็วประมาณ 250 กิโลเมตรต่อ 2.5 นาที หรือ 7,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง