เช่น วันเกิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ พล.อ.ประวิตร จะเปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ รับอวยพรวันเกิด ผ่านการหยอดคำหวาน จูงมือ โอบเอว ซึ่งในอดีตภาพเหล่านี้ดูเป็น “ธรรมชาติ”

เพราะต่างรู้ถึงสัมพันธ์ “3ป.” ที่ยาวนานกว่า 40 ปี ตั้งแต่สมัยเป็น “ร้อยเอก-ร้อยโท-ร้อยตรี” กินนอนบ้านเดียวกันใน ร.21 รอ.

ใน “พี่น้อง 3ป.” มีการ “แบ่งหน้าที่” กันชัดเจน เพื่อไม่ให้มีการ “ล้ำเส้น” กัน

โดย พล.อ.ประวิตร ดูแลพรรคพลังประชารัฐ - ส.ส.

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ดูแลรัฐบาล และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ดูแลเรื่องท้องถิ่น

ทว่ากลับเกิด “ขบวนการล้มนายกฯ” ขึ้นกลางสภา ช่วงศึกซักฟอก เมื่อ 3 เดือนก่อน แต่สุดท้าย “แผนล่ม” เพราะทีมฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ รู้ทันแก้เกมได้ แต่ก็สะบักสะบอมไม่น้อย เกือบเสียท่าคาสภา 

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะพูดคุยและสอบถาม พล.อ.ประวิตร ถึงขบวนการดังกล่าวก็ตาม แต่เชื่อว่ามีที่ “หลงหูหลงตา” เกิดขึ้น ถือเป็น “จุดตัดรอยร้าว” ที่สำคัญ ว่างานนี้มีใคร “รู้เห็น-เป็นหัวโจก” บ้าง

อันนำมาสู่การ “ปลดฟ้าผ่า” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้น รมช.เกษตรและสหกรณ์ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” พ้น รมช.แรงงาน

ชนิดที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาบอก พล.อ.ประวิตร หลังลงดาบไปแล้ว เปรียบเป็นการ “หักหน้ากัน” ของพี่น้อง “2ป.” ทำให้สัมพันธ์ “2ป.” ระส่ำถึงขีดสุด อันนำมาซึ่งกระแสข่าวนัด “เคลียร์ใจ” ระหว่าง “นายพลตู่-ผู้กองมนัส” โดยมี “นายพลป้อม” เป็นคนกลาง ประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ความสัมพันธ์ ยังคง “ลุ่มๆดอนๆ”

ในช่วงเวลานั้น พล.อ.ประยุทธ์ พยายาม “ง้อ” พล.อ.ประวิตร มากขึ้น พร้อมมีแอคชั่นโชว์ปึกคู่กันให้สื่อเห็น เช่นการเดินจูงมือ โอบไหล่ เพื่อสยบรอยร้าว

ทว่าแอคชั่นจาก พล.อ.ประวิตร มีท่าที “ไม่ตอบสนอง” เท่าที่ควร ทำให้ภาพที่เกิดขึ้น เป็นไปอย่าง “แก้เกี้ยว-แก้เขิน” เท่านั้น ล่วงเลยมาถึงช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ พล.อ.ประวิตร เริ่มมีรีแอคชั่นกลับ

เมื่อครั้ง พล.อ.ประวิตร ประกาศกลางวง ส.ส.กรุงเทพฯ 12 คน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฝั่งธน และ ส.ก. ถึงความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีอะไรมีพรากกัน เว้นแต่ “ความตาย” ถือเป็นแอ็คชั่นเปรี้ยงของ พล.อ.ประวิตร ที่สื่อสารออกมา และเป็นที่น่าสังเกตุว่า พล.อ.ประวิตร “อารมณ์ดี” ผิดปกติ ช่วง 2 สัปดาห์มานี้ ที่ยิ้มแย้มและทักทายสื่อมากกว่าปกติ 

จะเมื่อสัปดาห์ก่อนทั้ง “2ป.ประยุทธ์-ประวิตร” ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ด้วยกันครั้งแรก นับตั้งแต่เกิด “ศึกสายเลือด จปร.” ขึ้นมา และ พล.อ.ประวิตร ถูกมองว่า “อุ้ม” ร.อ.ธรรมนัส กับ “นฤมล” ที่เปรียบเป็น “หอกข้างแคร่” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังคงใช้งานอยู่ตลอด อันนำมาสู่ “ศึกวัดพลัง” ในการแยกกันลงพื้นที่ของ “2ป.” ที่ พล.อ.ประวิตร อ้างว่าเดินตามนายกฯไม่ทัน แต่ก็ถูกมองว่าเป็นเพียง “เหตุผลรอง” เท่านั้น

ในการลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ไร้เงา “ธรรมนัส-นฤมล” แต่ที่เพิ่มเติมมาแทน คือ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่เคยได้รับผิดชอบพื้นที่อีสานตอนบน ในการเลือกตั้งปี62 โดยเป็น 1 ใน 6 รัฐมนตรี ขั้วตรงข้าม ร.อ.ธรรมนัส

หากดูกำหนดการเป็นการ “ทัวร์ไหว้พระ” เป็นหลัก โดยเฉพาะการไป “คำชะโนด” ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไปทำพิธี “ผูกดวง” กับ พล.อ.ประวิตร

เมื่อไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับมองสื่อตาขวาง พร้อมตอบกลับว่า “บ้ารึเปล่า ใครจะไปทำอย่างนั้น” ซึ่งขณะลงพื้นที่ พล.อ.ประวิตร รออยู่ด้านนอก ไม่ได้เดินเข้าไป เพราะระยะทางไกลและสุขภาพขา

ก่อนหน้านี้ทั้ง “3ป.” ก็เคยปรากฏภาพไปทำพิธีทางความเชื่อ เช่น พุทธะอิสระ , โหรวารินทร์ เป็นต้น ไม่นับรวมพระที่อยู่ตามวัดต่างๆ ที่เป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในพื้นที่

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ก็ทักให้สื่อไปดูดาวศุกร์ คืนวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

มาตอนเช้าออกงาน กอ.รมน. ที่สโมสร ทบ. ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ สื่อจึงถาม พล.อ.ประวิตร ว่าได้ดูดาวศุกร์หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ดูซิ สว่างใสเลย” ส่วนจะมีสิ่งดีๆเข้ามาหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า “ใช่ๆ” พร้อมพยักหน้ายิ้มรับ เมื่อสื่อถามแสดงว่าจะมีคนไหลเข้า พปชร. ใช่หรือไม่

ทั้งนี้งานดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่ “3ป.” ออกงานร่วมกัน หลังเกิดศึกสายเลือด จปร. และแยกกันลงพื้นที่ แม้ว่าที่ผ่านมา “3ป.” จะร่วมประชุม ครม. ที่ ทำเนียบฯ ด้วยกันก็ตาม แต่ในงาน กอ.รมน. คู่ “ป.ประยุทธ์-ประวิตร” ต่างมีอาการ “กระหนุงกระหนิง” กันอย่างชัดเจน

หลังจบงาน “3ป.” ได้เข้าไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อร่วมทานมื้อกลางวัน โดย พล.อ.ประวิตร ได้เลี้ยงผัดซีอิ๊ว โดยเป็นเมนูอาหารที่ พล.อ.ประวิตร มักผัดให้คนใกล้ชิดได้ทาน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า เป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไป จนมีภาพถ่ายออกมา แต่อีกภาพเป็น นายกฯ โอบตัว พล.อ.ประวิตร พร้อมกับจับพุง โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ภาพเหล่านี้ “คนในบ้านป่ารอยต่อ” เป็นผู้ถ่ายไว้ และได้รับ “ไฟเขียว” ให้ปล่อยถึงมือสื่อ

แต่มีอีก “ความบังเอิญ” ในช่วงเวลารอยต่อที่ภาพ “3ป.” กำลังแชร์ว่อน ร.อ.ธรรมนัส ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า“ชีวิตนี้ผมอุทิศแล้ว เพื่อพี่น้อง ประชาชน”ครับ” จึงเกิดคำถามถึง “ชะตากรรม” ของ ร.อ.ธรรมนัส จากนี้ไป จะเป็นอย่างไร

โดย ร.อ.ธรรมนัส ยังคงทำงานให้ พปชร. ต่อไป ตามที่ พล.อ.ประวิตร เคยขอไว้ เพราะก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส เคยมีแผนไปตั้ง “พรรคใหม่” ของตัวเองพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน มีชื่อหนึ่งที่ออกมาคือ “พรรคอีสานล้านนา”

แต่ก็พับแผนไป เท่ากับว่าเป็น “สัญญาณพักรบ” ระหว่าง “สายเลือด จปร.” ที่มีเป้าหมายข้างหน้าคือเลือกตั้งใหญ่ ที่ พปชร. จะต้องสู้ให้ชนะ ดังนั้นในสภาวะเช่นนี้จึงเป็นในลักษณะ “ต่างคนต่างอยู่” จึงต้องจับตาหลังจาก “เลือกตั้งใหญ่” จะมี “เช็คบิลกันเอง” ตามมาอีกหรือไม่

ในช่วงนี้ก็มีการเปรียบเปรยว่า ร.อ.ธรรมนัส ก็ต้องอาศัย “ร่มไม้ใหญ่” ในการดำรงตน มีตำแหน่งเป็น “พ่อบ้านพรรคใหญ่” ในวันที่ ร.อ.ธรรมนัส มีแสงส่องถึง แตกต่างจากยุคก่อนหน้านี้ หลังเลือกเดินใน “เส้นทางโลดโผน” มานาน

ในส่วน “2ป.ประยุทธ์-ประวิตร” ก็อยู่ประคองกันไป เพราะต่างขาดใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เพราะ “อำนาจ-บารมี” เสริมกัน หากใครคนใดคนหนึ่งหลุดไป ก็ต้องไปพร้อมกันยกแผง

ตำนาน “3ป.” จะถูกบันทึก อย่างไร ? จะ “ปิดตำนาน” แบบไหน ? อยู่ในมือ “ผู้มีอำนาจ” ทั้งนั้น เว้นแต่มี “อุบัติเหตุการเมือง” ชนิดที่ไม่คาดคิด !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ด่วน! โปรดเกล้าฯให้ 'ธรรมนัส-นฤมล' พ้นรัฐมนตรี -เลขาฯ พปชร.เปิดใจอาจไปอยู่บ้านหลังเดิม
• เปิดแผล 'ประยุทธ์'-'ธรรมนัส' ก่อน 'เชือดไก่ให้ลิงดู'