ไม่พบผลการค้นหา
ทั่วโลกพบกับปรากฎการณ์อุณหภูมิสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ สู่ระดับสูงสุดใหม่ใน 3 ทวีป หลังจากคลื่นความร้อนเข้าปกคลุมพื้นที่ รวมถึงไฟป่าที่กำลังแผดเผาพื้นที่ซีกโลกเหนือ

หน่วยงานด้านสาธารณสุขของอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย ได้ออกคำเตือนต่อประชาชน เรียกร้องให้ผู้คนดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลบตัวจากแสงแดดที่แผดเผารุนแรง นับเป็นการตอกย้ำถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อน

หุบเขามรณะในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ซึ่งมักจะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ร้อนที่สุดในโลก มีการพบอุณหภูมิสูงถึง 53.3 องศาเซลเซียส ในบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) นับเป็นสถิติที่สูงเกือบเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ใกล้กันกับกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ มีรายงานเกิดเหตุไฟป่าลุกไหม้ท่ามกลางกระแสลมแรงที่เมืองลูทรากิ ชายหาดยอดนิยมของประเทศ 

ทั้งนี้ ยุโรปนับเป็นทวีปที่มีอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นรวดเร็วที่สุดในโลก โดยทางหน่วยงานของอิตาลีกำลังเตรียมการรับมือกับอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์บนเกาะซิซิลีและซาร์ดิเนีย ซึ่งคาดการณ์ตามรายงานของ หน่วยงานอวกาสยุโรป (ESA) ว่าจะมีอุณหภูมิสูงถึง 48 องศาเซลเซียส 

“สภาพอากาศที่รุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นในสภาพอากาศของโลกที่ร้อนขึ้น กำลังมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสุขภาพของมนุษย์ ระบบนิเวศ เศรษฐกิจ การเกษตร พลังงาน และแหล่งน้ำ” เพตเตอร์รี ตาลาส เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) กล่าว “สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนที่เพิ่มมากขึ้น ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างรวดเร็วและจริงจังที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ตามข้อมูลของบริการตรวจสอบสภาพอากาศของสหภาพยุโรป เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา นับเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในโลกเป็นประวัติการณ์ และเดือน ก.ค.นี้ ดูเหมือนจะสร้างสถิติใหม่ในเดือนเดียวกันในอดีต 

จีนพบรายงานสถิติอุณหภูมิสูงสุดใหม่สำหรับกลางเดือน ก.ค. ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 52.2 องศาเซลเซียส ในหมู่บ้านซานเปาของเขตปกครองตนเองซินเจียง ซึ่งทำลายสถิติก่อนหน้านี้ที่ 50.6 องศาเซลเซียส เมื่อ 6 ปีก่อน ในขณะที่เมืองทูร์ปาน ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน มีอุณหภูมิพื้นผิวร้อนถึง 80 องศาเซลเซียสในบางส่วน ทั้งนี้ ทางการจีนได้สั่งให้คนงานและนักเรียนอยู่บ้าน และสั่งให้ฉีดน้ำบนถนนสายหลักเพื่อระบายความร้อนลง

ในไซปรัส ซึ่งคาดว่าอุณหภูมิจะยังคงสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส จนถึงวันพฤหัสบดี (20 ก.ค.) โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของประเทศมีรายงานพบชายวัย 90 ปีเสียชีวิตจากโรคลมแดด และมีผู้สูงอายุอีก 3 คนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 

ในญี่ปุ่น มีการแจ้งเตือนโรคลมแดดใน 32 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัดของประเทศ โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลางและภาคตะวันตกเฉียงใต้ โดยสื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นรายงานว่า ชาวญี่ปุ่นอย่างน้อย 60 คนได้รับการรักษาจากอาการลมแดด ในจำนวนนี้มี 51 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงโตเกียว

ในมลรัฐทางตะวันตกและทางใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุ้นชินกับอุณหภูมิสูง มีผู้คนมากกว่า 80 ล้านคนได้รับเตือนเนื่องจากคลื่นความร้อนสูงที่แผ่กว้างและรุนแรงในภูมิภาค “เราเคยชินกับอุณหภูมิ 110 องศาองศาฟาเรนไฮต์ 112 องศาองศาฟาเรนไฮต์… แต่ไม่ใช่ขนาดนี้” แนนซี ลีโอนาร์ด ประชาชนวัย 64 ปีจากชานเมืองพีโอเรียที่อยู่ใกล้เคียง กล่าวกับสำนักข่าว AFP “คุณแค่ต้องปรับตัว”

ในยุโรป ชาวอิตาลีได้รับคำเตือนให้เตรียมพร้อมสำหรับ “คลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในฤดูร้อนและเป็นหนึ่งในคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดตลอดกาล” โดยกระทรวงสาธารณสุขอิตาลีได้ประกาศเตือนภัยระดับสีแดงใน 16 เมือง รวมทั้งกรุงโรม โบโลญญา และฟลอเรนซ์

ทั้งนี้ มีการพบอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 42-43 องศาเซลเซียส ในกรุงโรมเมื่อวันอังคาร (18 ก.ค.) ทำลายสถิติ 40.5 องศาเซลเซียส ที่เคยปรากฏขึ้นในเดือน ส.ค. 2550 อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น โคลอสเซียม และนครวาติกัน

ในอีกทางหนึ่ง โรมาเนียพบกับอุณหภูมิสูงถึง 39 องศาเซลเซียสในวันจันทร์ (17 ก.ค.) ในขณะที่สเปน ซึ่งนักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่าอุณหภูมิจะ “สูงผิดปกติ” ในวันจันทร์ มีอุณหภูมิสูงถึง 44 องศาเซลเซียส ในภูมิภาคอันดาลูเซียทางตอนใต้ ซึ่งจะเป็นสถิติใหม่ของภูมิภาคนี้

นอกจากความร้อนแล้ว บางส่วนของเอเชียยังได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักอีกด้วย โดย ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า เขาจะ “ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด” ต่อวิธีการรับมือสภาพอากาศสุดขั้วของประเทศ หลังจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คนจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มในช่วงมรสุม ซึ่งคาดว่าจะดำเนินต่อไปจนถึงวันพุธ


ที่มา: 

https://www.aljazeera.com/news/2023/7/17/extreme-weather-grips-the-globe-as-heatwaves-and-wildfires-rage