ท่ามกลางความบาดหมางของ 2 ชาติมหาอำนาจโลกอย่างจีนและสหรัฐฯ ญี่ปุ่นกำลังพยายามที่จะหาทางออกจากการพึ่งพาด้านอุตสาหกรรมจากจีน โดยจากการคาดการณ์ล่าสุด Nikkei Asia รายงานว่า ผลกระทบจากสินค้าของประเทศจีนอาจทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียเม็ดเงินเป็นมูลค่าทางการผลิตมากกว่า 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กลางปีที่ผ่านมามีการเปิดเผยถึงแผนเมกะโปรเจ็ก 'ลับสุดยอด' ของ 'ฮอนด้า มอเตอร์' ที่เป็นแผนการรื้อโครงสร้างครั้งสำคัญเพื่อจุดประสงค์ในการเดินหน้าผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์โดยการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์จากจีนให้น้อยที่สุด ขณะที่บริษัทมากมายต้องเลือกตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจในจีนต่อไปหรือไม่ท่ามกลางข้อพิพาทกรณีไต้หวัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทุกบริษัทต้องการความต่อเนื่องของธุรกิจ

ปัจจุบันตลาดจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่มากสำหรับฮอนด้าเพราะกินสัดส่วนทางการตลาดมากถึง 30% จากทางตัวเลยการขายของฮอนด้าทั่วโลก และขณะนี้ทางฮอนด้ายังไม่มีแผนที่จะปรับสัดส่วนทางรายได้ที่สามารถทำได้จากจีน แม้ตอนนี้ทางบริษัทจะยังไม่มีแผนย้ายออกจากจีนแต่ก็ต้องมีการเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ตลอดเวลา

โฆษกของทางฮอนด้ากล่าวกับสำนักข่าว Nikkei Asia ว่าทางบริษัทพยายามมองหาตัวเลือกอยู่เสมอในเรื่องของซัพพลายเชนเพื่อลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุดปัจจุบันทางฮอนด้ากำลังเร่งประเมินต้นทุนในการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศมากขึ้น เช่น การนำเข้าชิ้นส่วนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันการประกอบรถยนต์ในประเทศจีนจะยังคงใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในจีนต่อไป

หนึ่งในตัวเลขที่สำคัญคือตัวเลขการนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์จากจีน มีการประเมินไว้ว่าหากญี่ปุ่นไม่สามารถนำเข้าชิ้นส่วนที่ผลิตจากจีนได้ราว 80% ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 9,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกรณีนี้จะรวมถึงวัตถุดิบในการผลิตและชิ้นส่วนที่ผลิตแล้วเหตุการณ์ดังกล่าวจะกระทบการผลิตสินค้าในญี่ปุ่นเป็นวงกว้างไม่ว่าจะเป็นวัสดุก่อสร้าง รถยนต์ เรซิน เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์จากอาหาร ผลกระทบดังกล่าวจะทำให้มูลค่าทางการผลิตมากกว่า 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หายไปในทันที

Owls Consulting Group บริษัทที่ปรึกษาด้านซัพพลายเชนในกรุงโตเกียวระบุว่า หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ผลิตภัณฑ์ต่างๆในญี่ปุ่นจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์หลักสำคัญ 80 ชนิด เช่น วัสดุก่อสร้างและรถยนต์ 

และหากราคาของสินค้าในภาพรวมปรับสูงขึ้นตามคาดการณ์ บุคคลทั่วไปจะได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ราคาคอมพิวเตอร์ส่วนตัวจะสูงขึ้นราว 50% ทันที ขณะที่ราคาของสมาร์ตโฟนจะพุ่งสูงขึ้นอย่างน้อย 20% และแน่นอนว่าวิกฤตเงินเฟ้อจะปรับตัวรุนแรงขึ้นท่ามกลางสงครามในยูเครนที่ยังไม่จบ

ทั้ง นานาชาติได้มีความพยายามในการตัดขาดจากประเทศจีนในเรื่องของซัพพลายเชนอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือบริษัท Apple ที่พยายามหลีกเลี่ยงการพึ่งพาการผลิตในประเทศจีนโดยย้ายบางสายงานการผลิตไปที่อินเดียและเวียดนามแทน