วันที่ 20 ม.ค. 2566 ประภัสร์ จงสงวน ทีมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ภาค กทม. พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ระบุถึงการการย้ายขบวนรถไฟฟ้า สำหรับสถานีต้นทางของรถไฟฟ้า 52 ขบวน จากสถานีหัวลำโพง ไปสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ว่า การย้ายโดยอ้างว่าสถานีกลางบางซื่อเสร็จแล้วต้องใช้ที่นี่นั้นเป็นประเด็นที่เป็นปัญหามาก เพราะ รถไฟฟ้า 52 ขบวนระยะทางไกลย้ายมายังสถานีกลางบางซื่อ เป็นรถขบวนทางไกล เข้ากรุงเทพฯ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มีสัมภาระมาก ต่างจากขบวนรถที่วิ่งชานเมืองในระยะใกล้ที่ไม่มีสัมภาระมาก เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ อีกทั้งสถานีกลางบางซื่อ ก็ออกแบบไว้ รองรับรถไฟฟ้าความสูงและยังรองรับรถไฟฟ้าเชื่อมสนามบิน 3สนามบินอีกด้วย

"สถานีกลางบางซื่อคงไม่เหมาะที่จะเอาสถานีขนาดนี้มารองรับเพียงไม่กี่ขบวน ถ้าขบวนรถไฟ 52 ขบวนยังอยู่ที่ลำโพง จะไม่มีค่าใช้จ่ายขนาดนี้”

ส่วนประชาชนที่มาจากทางไกลมีสัมภาระ แม้จะมีรถไฟให้นั่งฟรี ต้องเปลี่ยนจุดรถจุดใดจุดหนึ่ง ต้องมีการเปลี่ยนขบวน ทำให้ไม่สะดวกประชาชน ขัดกับหลัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่พูดไว้ที่จะให้มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวปากน้ำ มาถึง แบริ่ง ตรงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ กทม.ไปทำ ก็ไม่ต่อเนื่อง ผู้โดยสารเกิดความลำบาก แม้ไม่เสียค่าโดยสารฟรี 1 ปี แต่อีกหน่อยจะเสียภาระเพิ่ม 

นอกจากนั้น ถ้าสมมติไปถึงสถานีบางซื่อแล้วต้องไปหัวลำโพง ไปจุดหมายปลายทาง โดยหากต้องการจะเดินทางไปหัวลำโพง จะจัดรถ Shuttle Bus ให้ แต่จะเป็นการจัดชั่วคราวไปถึงเมื่อไร ถึงแม้จะมีรถไฟฟ้าสีน้ำเงินก็เพิ่มค่าใช้จ่าย ถ้ามีสัมภาระมาเยอะ ทางรถไฟฟ้าจะให้ขึ้นชั่วโมงเร่งด่วน หรือไม่ สมัยตนเป็น รฟม. พอสัมภาระเยอะเขาปฏิเสธให้ขึ้นโดยสาร ตรงนี้เป็นประเด็นที่ยังไม่ได้พูดถึง ไปแท็กซี่แล้วค่าใช้จ่ายเท่าไร ค่าเดินทางใช้จ่าย 200 บาทจะอยู่หรือไม่ รวมทั้งตอนเช้าจราจรติดขัดมาก และอาจเสียค่าทางด่วนอีก

ประภัสร์ ย้ำว่า การย้ายสถานีต้นทางไปยังสถานีกลางบางซื่อ ประเด็นพวกนี้เหมือนเป็นการไปผลักภาระให้ประชาชนอย่างไม่สมควรอย่างยิ่ง แม้ยังไม่จำเป็นก็ไม่ควรเปิดให้ใช้ และรัฐมนตรีบอกว่ารถไฟฟ้าสายสีแดงจะวิ่งถึงหัวลำโพง แต่ทำไมไม่สร้างให้เสร็จเสียก่อน เพื่อให้ถึงมีไปถึงสถานีหัวลำโพง และอาจไม่ต้องเก็บค่าโดยสารก็ได้ ยิ่งกว่านั้นมีการอ้างว่ารถไฟทำให้รถติด มีเครื่องกั้น ลองไปวัดดู เวลาไฟเขียว-ไฟแดง ระยะยาวกว่ารถไฟผ่าน แต่ที่ติด พอเครื่องกั้นลงจะมีรถไม่ยอมจอด ทำให้รถไฟต้องจอดคอย อย่าโทษรถไฟทำให้รถติด 

ประภัสร์ ระบุว่า ถามกรมรางก็ได้ ประเทศอื่นให้ความสำคัญกับการเดินทางที่ใช้ยานพาหนะ สาธารณะมาก่อนส่วนบุคคล ในยมราชนั่งในรถกี่คน ที่ให้คนนั่งคนเดียวหรือสองคนให้สิทธิพิเศษผ่านข้ามแยก แล้วให้รถไฟที่มีหลายตู้มาคอย จริงๆ เส้นทางรถไฟมีก่อนถนน มีคำถามว่า ถ้าสร้างถนนเส้นใหม่ ไม่สร้างข้ามหรือลอดทางรถไฟ มันเป็นคำพูดไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเพียงข้ออ้างทำให้ รถไฟที่หัวลำโพงเหลือน้อยลงเรื่อยๆ

"ผมพูดเรื่องนี้คุณพยายามทำแบบเดิมจะทำหัวลำโพงทำธุรกิจ เพราะมีกลุ่มทุนใหญ่ที่ไม่ใช่น้อยๆ แม้จะไม่มีแผนนี้ แต่ที่ประกาศกันคราวก่อนออกสื่อ มีผู้แทน รฟท.มาก็ชี้แจงไม่ได้ ผมเชื่อว่าจากวิกฤตการดำเนินนโยบายวันนี้ ที่การรถไฟฯ ไม่สามารถส่งสินค้าที่จะทำได้ ทำไมไม่เกิดสักที แล้วฝ่ายประชาชนหรือผู้ประกอบกิจการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ไม่ได้ใช้สักที เพราะการขนส่งทางรางถูกกว่าถนน ทำไมไม่มีการสนันสนุน เพราะทำให้การรถไฟฯ ขาดรายได้

ประภัสร์กล่าวว่า ในต่างประเทศที่ทำกัน สถานีรถไฟควรอยู่ใจกลางเมือง ในประเทศที่พัฒนา โตเกียวก็มีสถานีอยู่ใจกลางเมือง ทุกที่มีหมด เพราะเป็นความสะดวก ประหยัดเร็วที่สุด เพราะฉะนั้น สมัยตนเป็นผู้ว่า รฟท. ไม่เคยนำสถานีรถไฟหัวลำโพงมาพัฒนาเชิงธุรกิจ เพราะสถานที่มีความเป็นมาต่อระบบราง ซึ่งจากแผนงานรถไฟฟ้าสายสีแดง จริงๆ เป็นแค่รถไฟชานเมือง พอผ่านหัวลำโพงแล้วจะไปฝั่งธนฯได้ ตนไม่เคยมีแนวคิดจะเอาไปให้เอกชนพัฒนา นโยบายก็เปลี่ยนไป แต่ถ้าทำให้มีรายได้มากกว่านี้ก็ทำได้ สามารถทำได้ ตนเป็นผู้ว่าฯ มาก่อน แต่รัฐบาลจริงใจแค่ไหน  

"มาดีเบตก็ได้ ไล่เรียงที่เกิดขึ้นและที่ทำ ทำให้ภาระการรถไฟขาดทุนและประชาชนต้องได้รับผลกระทบ ทั้งที่เป็นค่าใช้จ่ายประชาชนเท่าไร ประชาชนต้องรับสภาพเองหรือไม่ เปลี่ยนแปลงได้วางแผนบอกประชาชนไว้ก่อนหรือไม่ ถ้าย้อนไปดูตอนที่มีปัญหาครั้งแรก รมว.คมนาคมให้ไปสอบถามประชาชน เห็นด้วยหรือไม่ และให้เตรียมการให้พร้อมอย่าให้มีปัญหา แต่ที่ตรวจสอบไม่ได้มีการถามประชาชน ถ้าลงเว็บไซต์ก็ไม่ได้เป็นการถาม ที่บอกว่ามีการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว" ประภัสร์ กล่าว 

ประภัสร์ กล่าวว่า "การให้ประชาชนเดือนร้อน รัฐมนตรีปล่อยให้เกิดได้ไง อยากให้รัฐมนตรีไปสอบถามประชาชนเอาลูกน้องไปถามประชาชนก็ได้รู้สึกอย่างไร และสรรเสริญยังไง"