นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขาประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เลขานุการคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายสุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผูแทนฯ แถลงข่าวจากกรณีของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย แถลงข่าวกล่าวหานายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาไม่ปฏิบัติตามหน้าที่
นายสุกิจ กล่าวว่า นายชวนเป็นผู้ที่เคารพกฎหมาย และเชื่อมั่นในเรื่องกฎหมายเสมอมา พร้อมให้ตรวจสอบ แต่เมื่อการแถลงของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ถูกต้องความเป็นจริง จึงต้องตอบโต้ ชี้แจงประเด็นที่มีการเข้าใจผิด หรือยังแกล้งเข้าใจผิดการอ้างถึงการประชุมร่วมของรัฐสภา เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2562 ในการพิจารณาบุคคลซึ่งสมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านได้กล่าวหาว่าในการดำเนินการประชุมในวันนั้นประธานรัฐสภา ไม่ปฎิบัติตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ โดยเรื่องนี้เป็นความเห็นที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คิดขึ้นมาเอง ว่าการพิจารณารายชื่อนายกฯ นั้นจะต้องพิจารณาในที่ประชุม ส.ส. ก่อน และมีการต้องให้ ส.ส. รับรองก่อน จึงจะเข้าสู่ที่ประชุมร่วมของรัฐสภา พร้อมทั้งอ้างรัฐธรรมนูฐมาตรา 159 วรรคสอง
ขอชี้แจงว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่เป็นความจริงทุกประการ เพราะในการดำเนินการประชุมในวันนั้น ประธานรัฐสภาได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญทุกประการ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลที่กำหนดว่า 5 ปีแรก นับตั้งแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยการพิจารณาให้ความเห็นชอบนั้นเริ่มตั้งแต่การเสนอชื่อ การรับรอง และการลงมติ ทุกขั้นตอนอยู่ในนี้ทั้งหมด
ทั้งนี้ นายสุกิจ กล่าวว่า มาตรา 272 เขียนไว้ชัดเจนว่าให้งดเว้นมาตรา 159 วรรคหนึ่ง และ วรรคสาม ซึ่งประธานรัฐสภาในวันนั้นได้ดำเนินการอย่างถูกต้องทุประการ ส่วนที่มีการอ้างว่ากรณีของวรรคสองที่บอกว่า การเสนอชื่อต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ตรงนี้เป็นการเข้าใจผิดว่าต้องมีการรับรองในที่ประชุมสภาผู้แทนฯ โดยเฉพาะ โดยที่สมาชิกวุฒิสภามานั่งรวมอยู่ด้วยไม่ได้
“วันนั้นเมื่อมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ปรากฎว่ามีผู้รับรองถูกต้อง คือรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภาผู้แทนฯ มาตรา 159 วรรคสอง ทุกประการ และท่านเสรีพิศุทธ์ ก็บอกว่าได้ส่งเรื่องนี้ให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ตามมารยาทเมื่อส่งเรื่องไปแล้ว ผมคิดว่าท่านควรจะหยุดพูดเรื่องนี้ เพื่อให้หน่วยงานที่ส่งเรื่องไปได้พิจารณาหาเหตุผลด้วยความถูกต้อง” นายสุกิจ กล่าว
ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า กรณีที่มีการกล่าวหาว่านายชวนปฏิบัติหน้าที่ผิดข้อบังคับ เช่น มีการลงมติมากกว่าจำนวนผู้ลงชื่อ นายสมบูรณ์กล่าวว่าในข้อบังคับกฎหมายรัฐธรรมนูญได้ให้คำจำกัดความคำว่าองค์ประชุมชัดเจน คือ เวลาจะเข้าประชุม สมาชิกทุกคนจะต้องไปลงชื่อที่หน้าห้องประชุม
ส่วนในขณะที่มีการประชุมตามวาระต่างๆ และมีการลงมติ ถ้าช่วงใดที่มีการลงมติ นายสมบูรณ์กล่าวว่า ประธานฯ จะมีการตรวจสอบองค์ประชุมของสมาชิก หมายถึงว่า ในตอนนั้นมีจำนวนองค์ประชุมเท่าไหร่ ก่อนจะลงมติ ซึ่งการเซ็นชื่อในขณะนั้น อาจไม่ตรงกับองค์ประชุม เขาไม่ได้ไปดูที่ลงชื่อเข้าประชุม เขาดูที่องค์ประชุม ซึ่งไม่เหมือนกัน ท่านเสรีพิศุทธ์อาจจะเข้าใจผิด วันนี้ผมขอให้ท่านไปความเข้าใจว่ามันต่างกัน นาย
“วันนี้สภากำลังเดินทางขอให้ท่านร่วมกันสร้างสภาให้เป็นสภาของประชาชน อย่าใช้สภาเป็นที่เล่นการเมือง” นายสมบูรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ ประเด็นที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อ้างว่ายังเหลือเวลาอภิปราย กรณีที่ถูกนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานรัฐสภาในขณะนั้นเชิญให้ออกจากห้อง นายสมบูรณ์กล่าวว่า คงเป็นความเข้าใจผิด จริงๆ มีการชี้แจงแล้ว แม้กระทั่งเรื่องการลงมติก็ชี้แจงหลายรอบแล้วว่ามันคนละอย่างกัน คิดว่าสังคมคงเข้าใจเองว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กำลังทำอะไรอยู่
นายสมบูรณ์กล่าวต่อว่า เมื่อนายพรเพชรให้ถอนคำพูด แต่ พล.ต.อ.ไม่ถอน และเดินออกจากห้องประชุม วันนั้นถ้า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นสมาชิกที่เข้าใจข้อบังคับ การถูกเชิญออกนอกห้องประชุมถูกบันทึกไว้
“วันนั้นถ้าเกิดท่านแค่ถอนคำพูด แล้วก็สามารถอภิปรายตามสิทธิได้เลย เมื่อจบประเด็นคือจบ วันนี้ถูกไล่ออก แล้วมาบอกว่าขอพูดอีก คงไม่ถูก” นายสมบูรณ์ กล่าว
ด้าน นายแทนคุณกล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่าตอนนี้เราจะมีการประชุมใหญ่ คือ ประชุมรัฐสภาอาเซียน (AIPA) อยากจะให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เห็นแก่ชาติบ้านเมืองควรจะหยุดการเล่นการเมืองแบบเก่า ใส่ร้ายป้ายสี ไม่เห็นแก่ประชาชนเป็นหลัก
อ่านเพิ่มเติม