ไม่พบผลการค้นหา
อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยกคำวินิจฉัยจี้ ป.ป.ช. ชี้มูล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เลือกปฏิบัติสองมาตรฐานหรือไม่

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีสิทธิอยู่บ้านพักรับรองได้ โดยยกระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ.2548 ซึ่งกำหนดให้อดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก

ซึ่งทำคุณประโยชน์ให้กับกองทัพบกและประเทศชาติและเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.มาแล้ว มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบกและกองทัพบกสามารถพิจารณาความเหมาะสมในการสนับสนุนงบประมาณ ค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัยตามความจำเป็นและเหมาะสมในการใช้งาน 

ล่าสุด เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า วันนี้ตนส่งประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ระเบียบศาลปกครองฯ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นใช้ไม่ได้ และเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง ไปให้ ป.ป.ช. เพื่อประกอบการตรวจสอบตามคำร้องเรื่องระเบียบกองทัพบกฯ ก่อนหน้านี้

นายเรืองไกร กล่าวว่า คำวินิจฉัยเรื่องระเบียบศาลปกครองฯนี้ จึงชี้ให้เห็นถึงคำวินิจฉัยเรื่องระเบียบกองทัพบกฯ การที่ศาลรัฐธรรมนูญนำระเบียบกองทัพบกฯ ปี 2548 ที่ไม่ได้ออกโดยอาศัยกฎหมายใดและไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ก็นำมาใช้วินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งนั้น น่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ

โดยทั้งสองคำวินิจฉัยเมื่อนำมาเทียบเคียงกัน จะทำให้สงสัยได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีการวินิจฉัยแบบสองมาตรฐานหรือไม่ ดังนั้น ถ้าหากคำวินิจฉัยเรื่องระเบียบศาลปกครองฯ ใช้ไม่ได้ ก็ควรแปลว่าระเบียบกองทัพบกฯ 2548 ย่อมใช่ไม่ได้ด้วย แต่ทำไม ศาลรัฐธรรมนูญจึงนำมาใช้


ชงศาลฎีกาฟัน

เรืองไกร กล่าวตามมาว่า เมื่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองมีมาตรฐานการตีความระเบียบแตกต่างกัน กรณีนี้จึงเป็นหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะต้องตรวจสอบชี้มูลต่อไปโดยเร็วเพื่อส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาว่า การที่ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญ นำระเบียบกองทัพบกฯ 2548 มาวินิจฉัยนั้นจะมีความผิดหรือไม่

เรืองไกร กล่าวอีกว่ามีพลเมืองดีส่งหนังสือมาทางไปรษณีย์จำนวน 5 หน้า ชี้ช่องกฎหมายและระเบียบรวม 8 รายการ เพื่อให้ร้องเอาผิดพล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่บ้านพักทหารโดยไม่ชอบ เมื่อพิจารณาตามกฎหมายและระเบียบดังกล่าวแล้วเห็นว่าโดนแน่ แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงต้องตรวจสอบรายละเอียดของข้อกฎหมายและระเบียบให้รอบคอบ

เพื่อร้องขอให้ ป.ป.ช. เอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไปโดยเร็ว งานนี้ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะผู้ถูกร้องมีตัวช่วยเยอะแถมยังอ้างว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ดังนั้นตนจึงส่งจดหมาย EMS ไปถึง ป.ป.ช. ขอให้รีบตรวจสอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า การนำระเบียบกองทัพบกฯ 2548 มาวินิจฉัยนั้น เป็นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือไม่