กลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลามหรือ (ไอเอส) ออกมายอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายสองลูก ในตลาดกลางกรุงแบกแดด เมื่อพฤหัสบดี ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 32 ราย บาดเจ็บอกว่า 100 คน

รายงานระบุว่า คนร้าย 2 คนได้ลงมือก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในตลาดค้าเสื้อผ้าย่านจตุรัสตายารัน ช่วงเวลาที่ผู้คนออกมาซื้อของอย่างคึกคัก นับเป็นเป็นโจมตีกรุงแบกแดดครั้งร้ายแรงสุดในรอบ 3 ปี 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังสหรัฐฯ ได้รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของไบเดน โดยหลายฝ่ายคาดว่า อาจเป็นสัญญาณที่แสดงความเป็นไปได้ว่า กลุ่มไอเอสกลับมาก่อเหตุรุนแรงอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายการลงมือเป็นชาวมุสลิมชีอะห์

หลังเกิดเหตุ มุสตาฟา อัล-กัดฮีมี นายกรัฐมนตรีอิรัก ได้เรียกประชุมฉุกเฉินกับฝ่ายความมั่นคง พร้อมสั่งระดมกองกำลังเข้าดูแลความสงบเรียบร้อยในย่านสำคัญใจกลางเมือง รวมถึงมีคำสั่งปลดผู้บัญชากองกำลังความมั่นคง, ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามก่อการร้ายและหน่วยข่าวกรอง และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจส่วนกลาง

อย่างไรก็ตาม เหตุระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงแบกแดดไม่ได้เกิดขึ้นนานหลายปี นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ และกลุ่มพันธมิตรสามารถยึดครองพื้นที่ภูมิภาคนี้กลับมาจากกลุ่มรัฐอิสลามได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 ซึ่งเคยยึดครองพื้นที่ได้มากกว่า 80,000 ตารางกิโลเมตร กินพื้นที่ตั้งแต่อิรักถึงซีเรียตะวันตก ซึ่งแม้กลุ่มรัฐอิสลามจะพ่ายแพ้ แต่ประเมินว่ายังคงมีสมาชิกราว 10,000 คนที่เคลื่อนไหวใต้ดินอยู่ในอิรักและซีเรีย

ที่มา : CNN , BBC